เกิดเป็นมนุษย์ทำกรรมได้แค่ไหน?




แม้หลายท่านจะเกิดมาเป็นมนุษย์ แต่ก็อาจไม่ทราบว่า “มนุษย์ทำอะไรได้บ้างเป็นปกติ” มนุษย์ต้องละเว้นสิ่งใดบ้างเป็นปกติ? การละเว้นเป็นปกติก็คือ “ศีล” ศีลแปลว่าปกติ คือ ปกติของมนุษย์แล้วมนุษย์จะไม่ทำกรรมใดบ้าง? เช่น ไม่กินเนื้อมนุษย์ด้วยกัน บทความนี้จะขออธิบายว่ามนุษย์ทำกรรมได้แค่ไหน ดังต่อไปนี้

มนุษย์ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ทำกรรมได้
ธรรมชาติไม่ได้สร้างมนุษย์มาให้เป็นพระอิฐพระปูน มนุษย์สามารถทำกรรมได้ จากนั้นมนุษย์ก็ต้องรับกรรมด้วยการป่วยและตายครับ โดยกรรมที่มนุษย์สามารถทำได้นั้นจะไม่มากเกินไป อยู่ในกรอบขอบเขตเรียกว่า “ศิลปะ” มนุษย์สามารถสร้างสรรค์งานศิลปะได้ มากกว่านั้นไม่ได้ เช่น ถ้ามนุษย์อยากผ่าร่างมนุษย์ด้วยกันก็ทำไม่ได้ ยกเว้นมนุษย์คนนั้นสำเร็จเป็นเทพ สอบผ่านใบอนุญาติเป็นหมอผ่าตัด จึสามารถทำได้ครับ ทีนี้ หลายท่านอาจสงสัยว่างั้นเราทำงานไม่ได้เลยใช่ไหม? ทำงานได้ครับแต่ไม่ใช่อาชีพ ทำงานศิลปะไงครับ แต่ถ้าทำงานเป็นอาชีพ เช่น ทำเพื่อแลกเงินแบบนี้ไม่ได้ เป็นบาปครับ ไม่ว่าเรียนจบอะไรมาก็เอาไปหากินไม่ได้

มนุษย์ทำอาชีพไม่ได้ แล้วใครทำได้?
พระเจ้าสร้างให้โลกนี้มีมนุษย์ แล้วให้เทวทูตหรือเทพลงมาดูแลมนุษย์ ผู้มีอาชีพต่างๆ คือ หัวโขนของเทพที่จะใช้ในการดูแลมนุษย์ เช่น ตำรวจ, ทหาร, แพทย์, ครู ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นหัวโขนของเทพที่ใช้ดูแลมนุษย์ ดังนั้น มนุษย์ไม่ต้องทำงานในอาชีพใดๆ ทั้งนั้นครับ เพราะจะมีเทพดูแลให้อยู่แล้ว ทั้งอาหารการกินก็มีเทพการครัวดูแลให้, การใช้เงินก็มีเทพที่คอยอุปถัมภ์มนุษย์ดูแลให้เงินใช้ครับ แต่ถามว่าแล้วทำไมเรายังลำบาก ไม่เห็นได้อย่างที่บอกเลย คำตอบคือ เพราะเรายังมีบาปกำเนิดอยู่ เรายังชำระบาปไม่หมด เมื่อใดที่เราชำระบาปหมดแล้ว เราก็จะได้รับการดูแลโดยเทพ ทำให้เราได้รับสิ่งดีๆ คุณภาพชีวิตจะดี ไม่ลำบากยังไงละครับ

๓ มนุษย์ทำอาชีพไม่ได้ แล้วทำอะไรได้?
มนุษย์ทำได้ทุกอย่างที่เป็น “ศิลปะ” เช่น การใส่หัวโขนแสดงบทบาทเป็นหมอ ทั้งๆ ที่ไม่ได้จบหมอ ทำได้มั้ย ทำได้ครับ เช่น กรณีที่เจอคนกำลังคลอดลูกบนรถเมล์พอดี คนที่อยู่ตรงนั้นเลยจำเป็นต้องสวมบทบาทเป็นหมอทำคลอดเสียอย่างนั้น แบบนี้ก็ทำได้ครับ แต่ไม่ใช่การทำโดยอาชีพ มันเป็นแค่การสวมหัวโขน แสดงไปตามบทบาทเท่านั้น ดังนั้น มนุษย์จึทำได้ทุกอย่าง เรียนรู้ได้ทุกอย่าง แต่ทำได้แค่ศิลปะเท่านั้นเอง เกินนี้จะไม่ใช่มนุษย์แล้วครับ เกินนี้ต้องให้มนุสสเทโวทำแทน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐ เราต้องการเสนอแนวคิด ทำไง? เราก็สร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อเสนอแนวคิดก็ได้ แต่ไม่ใช่ไปสั่งใช้ใครทำครับ

๔ ถ้ามนุษย์อยากมีอาชีพต้องทำอย่างไร?
การมีอาชีพและทำงานตามอาชีพนั้นจะส่งผลกระทบเกิดกรรมไม่น้อยครับ ดังนั้น พระสมณโคดมจึไม่สอนให้พระสาวกทำมาหาเลี้ยงชีพอะไร พระต้องทำงานหาเลี้ยงชีพไหมครับ? ไม่ต้องใช่มั้ย นั่นละ เพราะเหตุผลที่ได้กล่าวมาแล้วนั่นเอง ทีนี้ ถ้ามนุษย์อยากมีอาชีพต้องทำอย่างไร? มนุษย์ก็ต้องมี “บารมีรับรองผลกรรม” ครับ ถ้าตัวเองไม่มีบารมีพอรับรองผลกรรมนั้น ก็ต้องอาศัยบารมีผู้อื่นที่เรียกว่า “เนื้อนาบุญ” คือ การทำบุญสนับสนุนเนื้อนาบุญไว้ เมื่อเราทำงานตามอาชีพ มีกรรมสะสมมากๆ เข้าเราจะได้อาศัยบารมีของเขาในการฉุดช่วยตัวเองขึ้นมาจากบ่วงกรรมเหล่านั้น ส่วนการทำงานศิลปะนี้ไม่จัดเป็นอาชีพ หากไม่ขายแลกเงินครับ

๕ แม้แต่ทำไร่ทำนา ยังต้องทำบุญช่วยให้รอด
แม้แต่ชาวนาสมัยก่อน ทำไร่ทำนา ไม่ได้ขายข้าวนะ ทำกินเอง อยู่แบบคนสมัยโบราณ หาปูหาปลากินไป ก็ยังต้องทำบุญให้พระเพื่อเอาตัวรอดเลย เพราะการทำงานเป็นอาชีพเกษตรกรนั้น หากไม่มีเนื้อนาบุญช่วยก็ไม่รอดเหมือนกัน นับประสาอะไรกับอาชีพอื่นๆ ที่มีกรรมมากกว่านี้ละครับ ปัจจุบัน คนมากมายมีอาชีพอันหลากหลาย ทุกวงการจะต้องมี “เนื้อนาบุญ” ไม่เช่นนั้นจะไปไม่รอดครับ เช่น บริษัทแต่ละบริษัทจะต้องมีผู้มีบุญบารมีมาเกิดเป็นเนื้อนาบุญให้ ไม่เช่นนั้น ทุกคนที่มีอาชีพในบริษัทนั้นจะต้องกลายเป็นปีศาจกันหมดเลย เพราะว่า “มนุษย์ทำอาชีพไม่ได้ มนุษย์ทำได้แค่งานศิลปะ” อาชีพไม่ใช่ของมนุษย์แต่เป็นของเทพครับ

ในอดีตมีสงครามพลีชีพเพื่อชาติบ่อยก็เพื่อปลดปล่อยพวกนี้ละครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?