การปฏิบัติ “ธรรมปัจจุบัน”




หลายท่านปฏิบัติธรรมแบบ “ปัจจุบันขณะ” มา แล้วติดอยู่กับลมหายใจจนไม่อยู่กับชีวิตจริงในปัจจุบันก็มี แท้แล้ว “ธรรมปัจจุบัน” มันไม่เกี่ยวว่าต้องอยู่ที่ลมหายใจเลยครับ มันคือทุกอย่างที่เกิดดับในชีวิตปัจจุบันเรานี่แหละ ในบทความนี้จะอธิบายเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดของหลายๆ ท่านในธรรมปัจจุบัน ดังต่อไปนี้

๑ เลิกพูดธรรม พูดแต่เรื่องที่ทำจริง
ข้อแรกนี้สำคัญมากนะครับ เราต้องเลิกนิสัย “ดีแต่พูด” แต่ทำจริงไม่ได้ การจะเป็นนักปฏิบัติที่ดีได้นั้น เราจะต้องเน้นการทำจริง ไม่ใช่ดีแต่พูดครับ ทั้งนี้ ไม่ได้จะห้าม ไม่ให้พูดเลย แต่ให้พูดในสิ่งที่เราทำจริง เราทำได้จริงๆ ก็พอ สิ่งไหนที่เรายังไม่ได้ทำจริง หรือทำไม่ได้จริง ก็อย่าเอามาพูด ธรรมะที่อยู่ในตำรา ในหลักการ ในปรัชญาอะไรก็แล้วแต่ ไม่ต้องสนใจทั้งนั้น หากเราปฏิบัติไม่ได้จริง พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ นับเป็นการพูดเรื่องไร้สาระครับ เช่น เรื่องนิพพานอะไรถ้าเรายังทำไม่ได้จริง ไม่ต้องเอามาพูด เรื่องชีวิตจริงของเราแต่ละวัน ทำอะไร แล้วมีสติอยู่กับมันได้อย่างไร? แบบนี้ควรพูด เช่น ไปร้านขายสินค้ามา แล้วมีสติไม่หลง เป็นต้น

๒ เอาชีวิตจริงมาเป็นโจทย์เจริญปัญญา
เราไม่ต้องไปเอาอะไรนอกตัวมากมาย สิ่งที่มีอยู่ในชีวิตเราจริงๆ ปัญหาชีวิตของเราจริงๆ นี่ต่างหาก ที่เราควรเอามาเป็นโจทย์ในการพิจารณา ใช้สติปัญญาในการแก้ไขมันครับ อย่าไปอยู่ในโลกอุดมคติ โลกแห่งความเพ้อฝัน บางคนฝันเฟื่องจะไปนิพพานแล้ว จะไปสุขาวดีแล้ว ฯลฯ เฮ้ย ตื่นๆๆ ใครบอกแกว่าแกจะได้เช่นนั้นจริงๆ ? มีอะไรยืนยันว่ามันจะได้เช่นนั้นจริงๆ ? บางคน นอกจากไม่มีการพิสูจน์แล้ว พอใครเตือนสติ  เฮ้ย กลายเป็นเก่ง เถียงๆๆ ยังกะรู้จริงขึ้นมาซะอย่างนั้น อันนี้ไม่ใช่ละ มันคือ “อีโก้” ละ มานะทิฐิทั้งนั้นครับ ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่ “ความคิดเห็น, คิดกันไปเอง” ทั้งนั้น ไม่อยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงสักอย่างเลย ก็มีครับ

๓ ไม่ต้องไปจมปลักกับลมหายใจ
ปล่อยตามธรรมชาติของเขาน่ะละ ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปเสือกเจ้ากี้เจ้าการ จัดการอะไรกับลมหายใจหรอกฮะ คำว่า “ธรรมปัจจุบัน” มันไม่เกี่ยวว่าจะต้องไปยึดติดที่ลมหายใจหรือคำบริกรรมพุทธโธอะไรทั้งนั้น มันก็คือ การใช้ชีวิตของเราในปัจจุบันนี่หละครับ บางคนละทิ้งหน้าที่ในปัจจุบัน ไปหลงกับไอ้ลมหายใจปัจจุบันขณะอะไร อันนี้ไม่ใช่แล้วนะครับ ไม่ต้องไปยึดติดกับวิธีการทำสมาธิ, รูปแบบอะไรทั้งนั้น ใช้ชีวิตปัจจุบันให้มันมีสติได้ไหม? ง่ายๆ แค่นี้ เวลาทำงาน เรามีสติดีไหม? มีปัญญาดีไหม? มีสมาธิดีไหม? นี่แหละ ปฏิบัติธรรมแบบปัจจุบัน ไม่ต้องไปกำหนดว่าอะไรคือปัจจุบันทั้งนั้น อะไรก็ได้ที่มันเกิดดับปัจจุบัน มีสติกับมันแค่นั้นเอง

๔ ไม่จำเป็นว่าจะต้องบรรลุฉับพลัน
บางคนไปตีความว่าธรรมปัจจุบันคือการบรรลุแบบฉับพลัน เป็นปัจจุบันขณะเลยก็มี บางคนไปตีความผิดอีกว่าธรรมปัจจุบันคือการเกิดดับปัจจุบันแบบไม่หยุดเลยก็มี อันนี้ก็ไม่ใช่นะ สิ่งต่างๆ ไม่เที่ยง แต่มีจังหวะ เกิดขึ้น, ตั้งอยู่, ดับไป สามจังหวะแบบนี้ หลายคนไปเข้าใจผิดว่าทุกอย่างไม่เที่ยง เกิดดับตลอดเวลา อันนี้ ก็ไม่ถูก บางอย่างมันยังไม่เกิด ยังไม่ดับ มันยัง “ตั้งอยู่” ก็มี แต่ตั้งอยู่บนความไม่เที่ยง แค่นั้นเอง บางคนไปพูดว่า “จิตเกิดดับตลอดเวลา” อีกนั่น เอามาจากไหน? ไอ้จิตที่เกิดๆ ดับๆ นั้น มันไม่ใช่จิตประภัสสรนะ มันคือ “จิตสังขาร” ไม่มีอยู่จริง แต่เราไปตั้งสมมุติบัญญัติให้มันมี เพื่อที่จะฝึกดูการเกิดดับของมันเท่านั้นเอง

๕ เอาจริง ลงมือจริง ทำจริงกับชีวิตจริง
อย่ามัวแต่พล่ามพูดธรรมะ อย่ามัวแต่เถียงกัน อย่ามัวแต่บ้าตำรา บ้าทฤษฎี กลับไปดูชีวิตตัวเองดีๆ ทำได้ดีหรือยัง? ไม่ใช่ชีวิตแม่งห่วยแตก แต่มาเอาดีด้านเอาชนะคนอื่นเขาด้วยปาก ปากดีไว้ก่อน แต่ชีวิตจริง ทุเรศ อันนี้ ก็ไม่ใช่แล้วครับ คุณจะต้องเอาจริง ทำจริง กับชีวิตจริงๆ ของคุณ ชีวิตคนอื่นอย่าไปยุ่งช่างเขา มันเรื่องของเขา ปรัชญาธรรมะอะไร อุดมคติห่าเหวอะไร มันเป็นแค่ความคิดฝันเลอะเทอะไปเองทั้งนั้น ต้องกลับมาอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง อยู่กับชีวิตจริงๆ ของเราให้ได้ครับ ลงมือทำเลย ไม่ต้องพล่ามพูด ทำแล้วได้ผลอย่างไร? เราจะพัฒนาให้มันดีได้ยังไง? ลองใช้สติปัญญาพิจารณาดูสิครับ นี่แหละ การปฏิบัติธรรมปัจจุบัน

ถ้ายังไม่เห็นภาพ ให้นึกถึง “อิกคิวซัง” แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?