คนที่โชคดีในโลกนี้เป็นไฉน?




โลกธาตุต่างๆ ในจักรวาลมีมากมาย มีโลกธาตุที่แท้จริง อันดำรงอยู่ได้แท้จริง เช่น สุขาวดี, พรหมโลก ฯลฯ และมีโลกธาตุที่ถูกสร้างมาเพื่อการวิวัฒนาการ มิได้มีไว้เพื่ออยู่อาศัยจริง เช่น โลกของเรานี้ คนที่โชคดีในโลกนี้ จึเป็นคนที่ “ล้มเหลว-ไม่เอาไหน” ในโลกนี้ เอ๊ะ ยังไง? ในบทความนี้จะขออธิบายดังต่อไปนี้ครับ

๑ ไม่เด่นดัง ไร้ชื่อเสียง ไม่มีใครเอา
โลกนี้ไม่ใช่บ้านที่แท้จริง มันถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับการชำระบาปกรรมของสรรพจิตทั้งหลายเท่านั้นเอง เหตุนี้คนที่ดีจริงจะต้องดีใน “โลกที่แท้จริง” ไม่ใช่โลกนี้ โลกนี้คือ “มายาการ” ครับ ดังนั้นคุณต้อง “มองมุมกลับ” ยิ่งได้ดีในโลกนี้ ยิ่งไม่ดี ยิ่งไม่ได้ดีในโลกนี้ ยิ่งรอดพ้น นี่คือหลักง่ายๆ ด้วยเหตุนี้ การไม่เด่นดัง ไร้ชื่อเสียง ไม่มีใครเอา นั่นแหละ “ใกล้หลุดพ้น” ใกล้ความรอดมากที่สุด ยิ่งเด่นดัง ยิ่งมีชื่อเสียง ยิ่งมีคนจะเอา ก็ยิ่งจะถูก “ล่า” ในโลกนี้มีซาตาน, ปีศาจ, มาร, อสูรร้าย ฯลฯ มากมายที่จะล่าเอาคนเก่งๆ ไปเป็นพวก คนเก่งเหล่านี้ไม่ใช่คนโชคดี ตรงข้ามคือ คนโชคร้ายครับ เพราะไม่อาจรอดพ้นจากเงื้อมมือสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ในโลกนี้ไปได้

ป่วยตั้งแต่อายุยังน้อยหรือหนุ่มๆ
เกิด, แก่, เจ็บ, ตาย ล้วนเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครหนีพ้นได้ คนเราทุกคนเกิดมา ไม่มีใครหนีการเจ็บไข้ได้ป่วยได้ คนที่ไม่เคยเจ็บป่วยมาก่อนเลย แล้วอยู่ๆ ต้องมาล้มป่วยเอาตอนแก่ หรือป่วยแล้วตายไปเลย แบบนี้ ย่อมไม่มีโอกาสที่จะได้ประโยชน์จากความป่วยได้เลย คนแก่แล้วเมื่อป่วยก็ปรับตัวได้ยาก ทำได้แค่นอนรอความตายเท่านั้น แต่คนที่ป่วยตั้งแต่อายุยังน้อยหรือหนุ่มๆ ย่อมจะมีโอกาสที่จะปรับตัว เรียนรู้สัจธรรมจากความเจ็บป่วย บางคนเห็นสัจธรรมเพราะความเจ็บป่วยนี้ได้ก่อนตาย เช่น ป่วยเกือบตายตั้งแต่หนุ่มๆ ก็เลยคิดได้ ปลงตก ไม่หลงโลก เวลาที่เหลือในชีวิตกลายเป็น “กำไรชีวิต” เขาใช้เวลาที่เหลืออย่างคุ้มค่าครับ

๓ ทำงานได้ไม่นาน ก็ไม่มีงานทำ
คนที่ตกงาน คนที่ไม่มีงานทำ คือ คนที่โชคดี โชคดีอย่างไร? ก็โชคดีที่ได้มีอิสระจากการทำงานภายใต้กรงขังของระบบซาตานและสามารถทำงานได้อย่างอิสระตามใจต้องการ สามารถทำกิจทางธรรมหรือรับใช้เทพได้ บางคนแทบไม่ได้หยุดงานเลยจนตายก็มี บางคนยังมีโอกาสได้เกษียณอายุ ก็นับว่ายังพอมีเวลาของตัวเองบ้าง บางคนออกจากงานตั้งแต่อายุยังน้อย เวลาที่เหลือก็เป็นของตัวเองของเขาอย่างแท้จริงฮะ นี่คือความโชคดี ทว่า คนที่จะโชคดีแบบนี้ได้มีน้อยมาก เพราะอะไร? เพราะหลายคนมี “บ่วง” ผูกคออยู่มากมายแม้จะปลดหน้าที่การงานออกแล้ว ก็ยังมีลูกมีเมีย, มีภาระหนี้สิน, มีอะไรต่อมิอะไรมากมาย ผูกมัดไว้อีกก็มีครับ

๔ อกหัก เป็นฝ่ายถูกเขาทิ้งก่อน
คนที่ไม่อกหักหมายถึง เขายังต้องการให้เราใช้หนี้กรรมแก่เขาด้วยการเป็นคนรักของเขาต่อไป ส่วนคนที่อกหัก ถูกทิ้ง คือ คนที่เขา “ปล่อยแล้ว” ยอมแล้ว ให้เราไปจากเขาได้แล้ว ไม่ต้องมาใช้หนี้กรรมแก่เขาด้วยการเป็นคู่ของเขาอีกแล้ว ความรักของปุถุชนเป็นความรักแบบโลกๆ หรือก็คือความหลงในทางธรรมนั่นเอง มีไว้เพื่อหลอกล่อให้คู่กรรมที่ทำกรรมต่อกันมาในอดีตชาติได้ชำระกรรมชดใช้กันด้วยดี เพื่อให้ทั้งคู่ทำดีต่อกัน ก็เลยต้องมีกามเทพมาช่วยทำให้คนสองคนรักกัน ดังนั้น อย่าแปลกใจหากเราเห็นข่าวผัวเมียฆ่ากันตาย หรือฆ่าตัวตายเพราะเรื่องผัวๆ เมียๆ มีให้เห็นทุกวัน เยอะมาก อันนี้คือเรื่องธรรมดาโลก คนถูกทิ้งจึโชคดีไงครับ

๕ ได้รับการกดดัน ถูกเคี่ยวเข็ญอย่างหนัก
ทั้งชีวิตไม่สบายเลย ต้องยากลำบากอย่างมาก นี่ละครับ ความโชคดี ดังที่บอกแล้วว่าโลกนี้คือมายาการ ที่หลอกให้เรามาหลงกล ติดกับ โลกนี้ไม่ใช่บ้านแท้ของเรา ไม่ใช่ที่ที่พระพุทธเจ้าประทับ ไม่ใช่ที่ที่พระเจ้าอยู่อาศัย แต่เป็นดาวที่มีปีศาจ, มาร, ซาตาน, อสูรร้ายฯลฯ มาครองอยู่เต็มไปหมด จนจักรวาลต้องสร้างสวรรค์หกชั้นมาคุมตัวร้ายเหล่านี้เอาไว้ คนที่ได้ดีมีสุขในโลกนี้ ย่อมหลงเพลินในโลกนี้ และตกเป็นเหยื่อของสิ่งชั่วร้ายได้ง่าย ตรงข้าม คนที่ถูกกดดัน, ประสบปัญหาชีวิต, ถูกเคี่ยวเข็ญอย่างหนัก ฯลฯ คนเหล่านี้ต่างหากที่มีโอกาสจะหลุดพ้น และเขาเหล่านี้แหละคือ “ผู้โชคดี” หาใช่คนที่อยู่ดีมีสุข ได้ครอบครองอะไรในโลกเลยครับ

การประสบความสำเร็จในโลกก็เป็นแค่อุบายให้พัฒนาตัวเองเท่านั้นเอง

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?