การระลึกชาติเป็นอย่างไร?




หลายคนมักจะคิดไปเองว่าตัวเองมีอดีตชาติเป็นนั่นเป็นนี่ แต่มักไม่จริง ส่วนใหญ่เป็นการถูกหลอกโดยภาควิญญาณครับ เราจะต้องแยกแยะให้ได้ระหว่างการระลึกชาติได้จริงๆ กับการถูกครอบงำให้คิดว่าเราเป็นนั่นเป็นนี่ ซึ่งมันแยกแยะได้ยาก ในบทความนี้จึขอนำมาอธิบายขยายความให้เข้าใจตรงกัน ดังต่อไปนี้ครับ

การรู้สึกว่าเราเป็นกับรู้สึกต่อต้าน
เมื่อมีพลังมาแทรก, ครอบงำ หรือมีจิตวิญญาณมาอยู่ในตัวเรา เราจะรู้สึกว่าเราเป็นเขาครับ ถ้าเขามาจากตัวตนในอดีต เช่น เป็นฮ่องเต้มาในอดีต เราก็จะคิดว่าอดีตชาติเราเคยเป็นฮ่องเต้มาก่อน อันนี้ไม่ถูกต้องฮะ อันนี้เรียกว่าการถูกแทรกซ้อนด้วยพลังงานต่างหาก เพราะเมื่อใดที่เราระลึกชาติได้จริงๆ เราจะรู้สึกตรงกันข้ามเลยคือ เราจะรู้สึก “ต่อต้านความจริงนั้นอย่างยิ่ง” คุณครับ มนุษย์เราทุกคนนั้น ไม่มีใครที่พร้อมยอมรับความจริงได้แต่แรกหรอก ดังนั้น เราจะมีปฏิกริยาการ “ต่อต้านความจริง” เสมอ ในสิ่งที่เราเป็น เช่น ถ้ามีคนมาบอกว่าเราเป็นปีศาจ เราก็จะต่อต้านทันที ทั้งที่จิตวิญญาณของเราอาจเป็นปีศาจจริงๆ ก็ได้ใช่มั้ยละครับ

มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
เมื่อใดที่มันอธิบายได้เป็นฉากๆ เมื่อนั้นมันจะไม่ใช่การระลึก แต่มันจะเป็นการคิด, การจินตนาการหรือก็คือ “อุปทาน” เท่านั้นเองครับ แต่การระลึกชาตินี้เป็นอะไรที่อธิบายไม่ถูก มันเหมือนเราหลงทางกลับบ้านไม่ถูกมานานมากๆ วันหนึ่ง เราก็กลับมาบ้านได้ถูกต้อง สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเราคือ “เราจะร้องไห้” หนักมากๆ บอกไม่ถูกว่าทำไมต้องร้องไห้ ทั้งความรู้สึกเก่าๆ อะไรต่อมิอะไรมันจะประเดประดังเข้ามาหมด มันเข้ามาทีเดียวพร้อมๆ กัน เหมือนระเบิดที่ปะทุออกทีเดียว จนเราจับต้นชนปลายไม่ถูกต้องเลยละครับ เราจะสับสนมากๆ จนไม่รู้จะอธิบายยังไง? จนเมื่อ “เรายอมรับว่ามันจริง” สิ่งที่รบกวนใจเราก็จะค่อยๆ สงบลงได้ในที่สุดครับ

๓ ไม่ใช่การไปรู้แบบรูปกับนาม
การระลึกชาติเป็นญาณรู้จากภายในจิตเราเองที่ตื่นแจ้ง โพล่งโล่ง สว่างออกมาจาก “ภายใน” มิใช่การไปรู้รูปหรืออะไร “ภายนอก” ดังนั้น การระลึกชาติจึไม่ใช่การเข้าไปรับรู้อะไรเลย การไปรับรู้อะไรสักอย่างนั้นๆ ไม่ใช่ญาณหยั่งรู้ ไม่ใช่การตื่นโพล่งออกมาจากจิตข้างในอย่างแท้จริง หากคุณเห็นแสงสว่างได้ แสดงว่าสิ่งนั้นอยู่ภายนอก ใช่ไหม? แต่ถ้าตัวคุณสว่างขึ้นมาเองละ? บางทีคุณไม่ได้เห็นมันหรอก ไม่ได้รับรู้มันหรอก เพราะมันสว่างโพล่งออกมาจากภายในของคุณเอง คุณจะรู้สึกตื่นแจ้ง ตาแจ้งเสียยิ่งกว่าแสงเข้าตาเสียอีก แต่กลับไม่ได้เห็นแสงสว่างของตัวเองเลยแม้แต่น้อย นี่คือ การสว่างจ้าจากภายใน มิใช่การรับรู้สิ่งภายนอก

๔ การรู้อดีตชาติแบบไม่ต้องระลึก
สามารถทำได้หลายวิธี เช่น มีคนมาบอกความจริงกับเรา และแสดงให้เราเห็นได้จริง แบบนี้เราไม่ต้องระลึกเองก็ได้แต่มันจะไม่ใช่การระลึก ใช่ไหมครับ นอกจากนี้เราอาจใช้ “การอนุมาน” เอาก็ได้ หากเราไม่ได้ญาณระลึกชาติ การอนุมานที่แม่นยำก็มีครับ และสามารถถูกต้องได้แม้จะไม่มีญาณตัวนี้ แต่คุณต้องเข้าใจว่ามันไม่ใช่ญาณตัวนี้เท่านั้นเอง แต่ปกติแล้วจะไม่ค่อยทำแบบนี้กันครับ เพราะมันเหมือนการเฉลยโจทย์ให้เราทั้งที่เรายังไม่ได้ทำเลย เราก็จะไม่ได้ญาณหยั่งรู้เอง เพราะมีคนอื่นมาบอกเราแทนเสียแล้ว หรือเพราะเราใช้วิธีอื่นเสียแล้ว ทว่า มันก็อาจจำเป็นและใช้ได้ หากต้องรู้อดีตชาติอย่างเร่งด่วนครับ (แต่ปกติเขาจะไม่บอกกัน)

๕ การปิ๊งอ๋อ ไม่ใช่การนึกคิด
การระลึกชาตินั้นไม่ใช่การนึกคิดไม่ใช่การทำความเข้าใจอะไรสักอย่างด้วยสมองคิดแต่มันจะเหมือนการปิ๊ง อ๋อ เหมือนเวลาเราลืมของ แล้วมัน ปิ๋ง อ๋อ อยู่ตรงนั้นนี่หว่า ถามว่าตอนนี้เรานึกคิดหรือเปล่า? ไม่ใช่ เราคิดไม่ออก คิดยังไงก็ไม่ออก นึกยังไงก็ไม่ออก แต่มัน ปิ๋งแล้วอ๋อออกมาเอง หลายคนชอบไปคิดหาคำตอบ อันนี้ผิดทางเลยนะ ทุกอย่างที่ได้มาจากการไปนั่งคิดหาคำตอบล้วน “ผิดทั้งหมด” มันไม่ใช่เลย ไม่ว่าเราจะคิดอะไรออกมา “ล้วนผิดหมด” เพราะมันไม่ใช่ความคิด มันจะคิดเอาไม่ได้ญาณระลึกชาตินั้นไม่ใช่ความคิดฮะ แต่มันเหมือน “ปมในใจที่ซ่อนอยู่” ที่ถูกเก็บไว้นาน แล้วถูกขุดขึ้นมา ทำให้เราสับสน ขุ่นข้องหมองมัวครับ

การระลึกชาติเป็นญาณที่ยังสว่างไม่สุด ด้วยไม่ใช่อาสวักขยญาณ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?