นิพพานไม่เกี่ยวกับการเกิดหรือไม่เกิดอีก?




ลัทธิ “นิรัตตา” มีคำสอนที่สุดโต่งในเรื่อง “ความไม่มีตัวตน” ตรงข้ามกับลัทธิอัตตาที่มีคำสอนสุดโต่งในเรื่องการมีตัวตน นอกจากนี้ แนวคิดของลัทธินิรัตตานั้นยังส่งผลต่อความเชื่อในพุทธศาสนามากมายไม่ต่างจากความเชื่อของพราหมณ์ลัทธิอื่น ในบทความนี้จะขออธิบายเรื่องนิพพานที่ไม่เกี่ยวกับการเกิดดับ ดังต่อไปนี้

๑ การตื่นแจ้งในนิพพาน
การตื่นแจ้งในนิพพานไม่เกี่ยวกับการเกิดอีกหรือไม่เกิดอีก คนละเรื่องกัน การตื่นแจ้งในนิพพานทำให้คนเรามีปัญญาระดับ “อรหันตผล” เท่านั้นเองซึ่งบนสวรรค์นั้นท่านจะให้อิสระแก่ผู้บรรลุธรรมระดับอรหันต์นี้ว่าจะเกิดอีกหรือไม่เกิดอีกก็ได้ จะอยู่ที่ไหนก็ได้ คือ ท่านให้อิสระว่างั้นเถอะ ดังนั้น ท่านจึบอกว่าผู้บรรลุธรรมจะหลุดพ้นจากสังสารวัฏ คำว่า “สังสารวัฏ” หมายถึงการเวียนว่ายตายเกิดในสามภพนี้เท่านั้นนะ ท่านไม่ได้หมายรวมถึงการไปเกิดยังพุทธเกษตรอะไรด้วย สรุปคือ ผู้บรรลุนิพพานจะมีอิสระจากสังสารวัฏ จะเกิดอีกหรือไม่เกิดอีก จะอยู่ที่ไหนในสามภพนี้ก็ได้ นี่คือ ความหมายของคำว่า “หลุดพ้นจากสังสารวัฏ” นั่นเอง

ฏิบัติธรรมเพื่อให้เป็นสูญ ไม่มี
มีคนเข้าใจผิดคิดว่าการบรรลุนิพพานคือการไม่เกิดอีก คือ ดับสูญ หายต๋อม ว่างเปล่าไปเลย ไม่ใช่นะครับ พระอรหันต์ที่บรรลุนิพพานก็ยังมีอยู่มากมาย หลายท่านพบในป่าเรียกขานกันว่า “หลวงปู่เทพโลกอุดร” ก็มี นั่นท่านสำเร็จอรหันต์กันหมดแล้ว แต่ท่านก็ไม่ได้หายต๋อมหรือสูญหาย ว่างเปล่าไป ไม่ใช่ ใครจะบ้าปฏิบัติธรรมเพื่อให้ตนเองเป็นความว่างเปล่า? โง่ไหม? ถ้าปฏิบัติหลายๆ ชาติกว่าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้ เพื่อตัวเองจะได้หายต๋อมไปจากจักรวาล แบบนั้นปฏิบัติไปทำไม? ไม่ต้องเกิด ไม่ต้องเป็นผู้เป็นคนมันเสียตั้งแต่ทีแรกเลย ไม่ดีกว่าหรือ? อย่าหลงกลมารนะ อันนี้มันเป็นการครอบงำเราให้หลง หลอกเราให้ทำลายตัวเอง

๓ ปฏิบัติธรรมเพื่อให้เป็นปุถุชน ไม่มี
ความเข้าใจผิดอีกแบบที่พบบ่อยๆ คือ เข้าใจว่าการบรรลุธรรมคือการกลายเป็นตาสีตาสา คนธรรมดา คือ ไม่ต่างอะไรกับปุถุชน กิน, ขี้, ปี้, นอน วันๆ ไม่น่าเชื่อ แต่ก็มีคนหลงคิดอย่างนี้จริงๆ หลายคนยิ่งกว่าหลงเชื่อ แต่ทำด้วย ทำมากๆ เสียด้วย ทำตัวเหมือนปุถุชน วันๆ โพสแต่เรื่องกิน, ขี้, ปี้, นอน วนอยู่แค่นี้เอง แม้ชุมชนธรรมะนะ แต่หาธรรมะไม่ได้เลยก็มีคือ คนมันจะหลง มันเกือบจะไปถูกทางละคือการเป็นคนปกติให้ได้ก่อนนี่ละ ถูกทาง แต่มันดันไปหลงความเป็นปุถุชนแทน โดนมารหลอกให้หลง ก็ไปให้ความสำคัญมั่นหมายเอากับไอ้ความเป็นปุถุชน วันๆ โพสแต่เรื่องปุถุชน กิน, ขี้, ปี้, นอน พระอรหันต์ท่านเป็นปกติแต่ไม่หลงปุถุชนฮะ

๔ ปฏิบัติธรรมเพื่อให้วิเศษ ไม่มี
อีกพวกสุดโต่งไปอีกทางคือ ไม่เป็นปุถุชนละ แต่จะเป็น “ผู้วิเศษ” แทน ตั้งตนเป็นอะไรสักอย่างให้คนมารุมล้อมกราบไหว้ ไอ้คนปัญญาอ่อน ขาดความเพียร ไม่ยอมปฏิบัติ ก็รอแต่เทวดาจะมาโปรด พอเจอเทวดาเดินดินก็กรูเข้าไปกราบกันใหญ่ อันนี้ก็ไม่ใช่ การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องมันจะทำให้เรา “ปกติ” นี่คือ พื้นฐาน แต่ความปกติไม่ใช่ความเป็นปุถุชนนะ ปุถุชนทั้งหลายนั้นเขาหลงโลกกันอยู่ เขากำลังเสื่อมจากความเป็นมนุษย์และความเป็นปกติไปแล้ว ดังนั้น เขาจะวนติดข้องอยู่ในการกิน, ขี้, ปี้, นอน ฯลฯ มากมาย ในขณะที่ผู้บรรลุธรรมท่านจะตื่นแจ้งแล้วว่าเรื่องโลกๆ ปุถุชนเหล่านี้ไม่ทำให้หลุดพ้น แต่เขาไม่ได้อยากให้วิเศษครับ

๕ พระอรหันต์อยู่ที่ไหนก็ได้ เยอะแยะ
เกิดคำถามสินะว่าถ้าบรรลุธรรมแล้วไม่เกี่ยวกับเกิดอีกหรือไม่เกิดอีก เช่นนี้ พระอรหันต์ตายแล้วจะไปไหน? ก็ตอบได้ไม่ยาก “ก็แล้วแต่พระอรหันต์รูปนั้นและสถานที่นั้นๆ ว่าจะรับท่านไหม?” ไงครับ เช่น พระอรหันต์ไปขออยู่สุขาวดี ถ้ามันไม่ใช่ ที่สุขาวดีเขาก็ไม่รับ ไปได้แค่เที่ยวชมแล้วกลับ ไม่อาจอยู่ได้จริง แล้วถามว่ายังงี้ท่านอยู่ที่ไหนกันบ้าง? ตอบตามประสบการณ์ตรงที่ทำงานสองมิติแล้วพบเจอมาเลยนะ กลุ่มใหญ่มากๆ อยู่ในป่าภาคพื้นโลกคอยดูแลพุทธศาสนา, กลุ่มใหญ่อีกกลุ่มอยู่บนสวรรค์ในโลกนี้, กลุ่มใหญ่อีกกลุ่มเคยอยู่ที่กลางจักรวาลแต่ตอนนี้กลับมาแล้วฯลฯ เห็นไหม เขาเรียกว่า “อิสระ” แล้วแต่ท่านจะไปอยู่ที่ไหนนั่นเองครับ

อย่าเอาความฝันของเจ้าชายสิทธัตถะที่จะไม่เกิดอีกมาเป็นสัจธรรมครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?