คนเราทำกรรมได้แต่อย่าทำบาป
หลายท่านเข้าใจเรื่องกรรมมาพอควรแล้ว
แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง “ความบาป” ทั้งยังคิดว่ามันเหมือนกันก็มี ไม่ใช่นะครับ
บาปกับกรรม คล้ายๆ กันก็จริงแต่ไม่เหมือนกัน หากไม่เข้าใจตรงนี้เราจะสุดโต่งเกินไปครับ
บางคนสุดโต่งชนิดไม่ยอมทำกรรมเลย ไม่ยอมกินอาหารปกติเลยก็มี ในบทความนี้จะขออธิบาย
ดังต่อไปนี้
๑ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีกรรมเลย
เป็นไปไม่ได้หรอกครับที่คนเราเกิดมาในโลกนี้แล้วจะไม่มีกรรมเลย
ใครบ้างที่ไม่เคยเปื้อนฝุ่น ไม่แปดเปื้อนอะไรเลย? ไม่มีหรอก อย่าเว่อร์
อย่าบ้าตำรา อย่ายึดติดโลกอุดมคติเกินไป สุดท้าย
จะสุดโต่งเกินพอดีชนิดที่จะไม่ยอมทำกรรมอะไรเลย ถ้าคุณยอมรับความจริงได้
อยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงได้ คุณจะไม่สุดโต่ง แต่จะมีความ “พอดี” ในการทำกรรม
คือ ทำกรรมไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ในฐานะของมนุษย์จะทำได้ครับ เช่น
ถ้าเราจะกำจัดวัชพืช มนุษย์เราก็ใช้สองมือถอนหญ้าได้ แบบนี้ทำกรรมได้ พอดี
แต่ถ้าเราฉีดพ่นยาฆ่าหญ้า มันเกินพอดีละ เพราะยาพิษชนิดนี้มันจะส่งผลกระทบเกิดกรรมตามมาอีกมากมาย
นั่นเองครับ
๒ เป็นไปได้ที่เราจะไม่ทำบาปเลย?
แม้จะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่ทำกรรมเลย
แต่เป็นไปได้ที่เราจะไม่ทำบาปเลยครับ เพราะบาปกับกรรมนั้นไม่เหมือนกัน
หากมนุษย์เราใช้ชีวิตตามปกติที่มนุษย์พึงกระทำ เราก็จะไม่ต้องทำบาป
แต่เราจะทำกรรมพอดีกับความเป็นมนุษย์ของเราครับ ดังนั้น คำสอนที่ถูกต้องไม่ใช่
“ห้ามทำกรรม” ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม เช่น ถ้าเราไปจับปลามากิน
ถามว่าบาปไหม? คำตอบคือ ไม่บาป แต่เป็นกรรมที่พอดีครับ แต่ถ้าไปตกปลาเล่นๆ
แล้วโยนมันทิ้งโดยที่ไม่ได้เอาไปกินตามความจำเป็นของชีวิต แบบนี้คืออะไร? แบบนี้บาปครับ
อย่าไปทำ เราอาจจำเป็นต้องทำกรรมด้วยการจับปลามากินแต่เราไม่จำเป็นต้องทำบาปเกินกว่านั้น
๓ แล้วบาปกับกรรมต่างกันยังไง?
กรรมคือผลจากการกระทำทุกๆ
อย่างของเรา เมื่อเราทำแล้วเราต้องรับ
กรรมจืงมีทั้งที่มากเกินพอดีและที่ไม่มากเกินพอดี ดังที่กล่าวมาแล้ว อย่างบ้าตำรา
ไม่อยู่กับโลกแห่งความจริง อยู่ในโลกอุดมคติว่า “ไม่ทำกรรมอะไรเลย”
แบบนั้นสุดโต่งครับ ผู้เขียนได้กล่าวแล้วว่าการไม่สุดโต่ง ความพอดีคือ
ทำกรรมแต่พอดีในความเป็นมนุษย์อันนี้ทำได้ แต่อย่าไปทำเกินพอดี
ส่วนที่เกินพอดีนี้ขอเรียกว่า “บาป” ก็แล้วกันเช่น เราจับปลามากิน
อันนี้ถือว่าทำกรรมพอดี แต่ถ้าจับปลามาขายถามว่าเกินพอดีไหม? เกินครับ บาปไหม? บาปครับ
แต่ถ้ามีคนขอ เราไม่ขาย เราให้ฟรีละ บาปไหม? คำตอบคือ ไม่บาปครับ มีกรรมแค่พอดี
พอจะแยกแยะออกไหม?
๔ กรรมนั้นชดใช้ได้ในชีวิตนี้
กรรมของเราแต่ละคนนั้นมีมากมายก็จริง
แต่ท่านไม่ได้ให้เราชดใช้หรือเสวยจนหมดในชาติเดียวครับ กรรมดีบางอย่าง เราเสวยไปได้ห้าร้อยชาติเลยก็มี
เพราะอะไร? เพราะเทพสวรรค์ท่านจะลิขิตกรรมให้เราแบ่งมาใช้บางส่วนเท่านั้น
ไม่ว่าจะกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ดังนั้น กรรมที่เราได้รับในชาตินี้ “มันพอดีแล้ว”
กับเรา เทพสวรรค์เขาจัดสรรมาพอดีแล้ว ไม่ได้แปลว่าต้องชำระให้หมดเลยในชาตินี้นะ
แต่ให้ชำระแต่พอดีในชาตินี้ก็พอ เหมือนเราผ่อนชำระหนี้น่ะละ
เขาให้ส่งต่องวดเท่าไรละ? เราส่งไปเท่านั้นก็พอดีแล้ว
ไม่ต้องรีบใช้ให้หมดทีเดียวก็ได้เช่น การที่มนุษย์ต้องมีความแก่, ความเจ็บป่วย,
ความตาย ฯลฯ ก็คือการรับกรรมอย่างหนึ่ง
๕ บาปนั้นจะชดใช้ได้ต้องชำระ
บาปไม่เหมือนกับกรรม
เพราะเป็น “ส่วนที่เกินพอดี” ออกมา และไม่อยู่ในแผนการของเทพที่ลิขิตให้มนุษย์
ดังนั้น มนุษย์ย่อมไม่อาจชำระบาปได้หมดด้วยการดำรงชีพตามปกติ การแก่, การเจ็บป่วย,
การตาย ฯลฯ นี้ ไม่เพียงพอที่จะชำระบาปของมนุษย์ได้ การชำระบาปจะต้องแยกออกมาจัดการต่างหากเรียกว่า
“การชำระบาป” และจะมีผู้ดูแลให้เราได้ชำระบาป เช่น พระบุตรในศาสนาคริสต์,
พระโพธิสัตว์ในศาสนาพุทธ เหล่านี้ ล้วนช่วยให้มนุษย์ชำระบาปได้ ในการชำระบาปนั้นเราจะต้องถูกเล่นงานหนักกว่ากรรมทั่วไป
เพราะบาปนี้เกินพอดีจากกรรมปกติของมนุษย์ มันมากกว่ากรรมปกติไงครับ
ในขณะที่กรรมนั้นจะไม่หนักมากเกินครับ
การทำบุญอาจมีบาปได้ถ้าไม่เข้าใจ เช่น
การให้เงินพระเป็นต้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น