ขั้นตอนการวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณ
ในบทความก่อนๆ
ได้กล่าวแล้วว่าการวิวัฒนาการครั้งใหญ่ของมนุษย์ไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา
แต่จะเกิดขึ้นเป็นบางยุคเท่านั้น
และในยุคปัจจุบันก็คือช่วงแห่งการวิวัฒนาการแบบ “ก้าวกระโดด” ทว่า แม้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็มีขั้นตอนเป็นกระบวนการที่สังเกตุเห็นได้
ดังจะอธิบายในบทความฉบับนี้ ดังต่อไปนี้ครับ
๑ การเปิดรับด้านมืดของตนเอง
ไม่มีวัตถุดิบย่อมไม่เกิดผลใช่ไหมครับ?
สำหรับการวิวัฒนาการก็เช่นกัน หากคุณมีวัตถุดิบเดิมๆ เป็นคนเดิม
เมื่อ “เหตุเหมือนเดิม” ผลมันก็ต้องเหมือนเดิม จริงไหม?
ถามว่าทำอย่างไรจะได้ผลใหม่ๆ ได้พันธุกรรมใหม่ละ? คำตอบง่ายๆ คือ เราจะต้องมี
“วัตถุดิบใหม่” ที่เป็นเราจริงๆ ไม่ใช่ไปเอาอย่างใคร ไปเลียนแบบใคร
นั่นเท่ากับเราไม่มีวัตถุดิบของเราเอง เราแค่ไปเห็นวัตถุดิบของคนอื่น
แล้วเราก็ทำตามอย่างเขา เราไม่มีไข่กลับอยากกินไข่เจียว
เรามีแต่มะนาวเราก็เลียนแบบเขา ทำไข่เจียวแบบเขา ทว่าดันมีแต่มะนาว
แล้วมันจะได้ไข่เจียวไหม ก็ไม่ได้ ดังนั้น
“เราต้องค้นหาวัตถุดิบจากด้านมืดของเราเอง” เพราะนั่นคือสิ่งที่เรามีแต่เราซ่อนไว้
๒ เอาด้านมืดมากำเนิดใหม่
เมื่อเราค้นพบด้านมืดของตัวเองแล้วเราจะพบว่าตัวตนด้านมืดของเรา
มันไม่เหมาะกับการดำรงอยู่กับใครในโลกนี้เลย เราจึงต้องเก็บซ่อนมันไว้ด้านมืดตลอดมา
ทางเดียวที่จะทำให้มันเข้ากับสังคมโลกได้คือ ต้องผ่านการกำเนิดใหม่ครับ
ในกระบวนการนี้เองที่นำไปสู่การวิวัฒนาการ และเราจะไม่เหมือนเดิม
เพราะเรามีวัตถุดิบที่ต่างไปจากเดิมๆ ที่เราเคยเป็น เราดึงเอาด้านมืดของเราที่เราไม่เคยใช้
ออกมาเพื่อพัฒนามัน เราก็เลยมีวัตถุดิบที่ต่างออกไป เหตุต่างออกไป จึงได้ผลต่างออกไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ จึงพบว่าเด็กสมัยใหม่
ทำไมทำตัวแย่จัง ดูเลวร้ายจัง? นั่นแหละ เขากำลังเอาตัวตนด้านมืดของตนเองออกมาใช้ เพื่อจะได้มีวิวัฒนาการ
๓ กระบวนการลองผิดลองถูก
หากมีคำตอบที่แน่นอนอยู่แล้ว
เราคงไม่ต้องมีด้านมืด ตัวตนด้านมืดของเราคงไม่ต้องถูกเก็บซ่อนไว้ ทว่า
เพราะมันยังไม่มีคำตอบ ไม่มีใครตอบได้ ดังนั้น มันก็เลยยังมืดอยู่
และเราต้องเก็บซ่อนมันเอาไว้ ยังไงละ เหตุนี้ เมื่อเราเอาตัวตนด้านมืดออกมาใช้ มันจึงไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเพื่อให้เราเดินตาม
ตรงข้าม เราต้องใช้การลองผิดลองถูกเอาเอง ด้วยเหตุนี้
ผู้ที่เข้าสู่กระบวนการวิวัฒนาการจึงต้องลองผิดลองถูกเอาเอง
และจะมีคนที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวในการทดลองนี้แน่นอน ส่วนใหญ่ล้มเหลว
มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จ เด็กรุ่นใหม่จึงไม่ค่อยชอบทำสิ่งที่ถูกต้อง
พวกเขาชอบแหกคอกทำสิ่งผิดๆ มากกว่า
๔ กระบวนการคัดเลือกทางธรรมชาติ
กระบวนการนี้เหมือนตระแกรงร่อนเอาแต่กะทิไว้
ที่เหลือคือกากก็ทิ้งไป ในบรรดาผู้ที่เข้าสู่การวิวัฒนาการนี้
จะมีผู้ที่ใช้ได้และใช้ไม่ได้ ใช่ไหม? การคัดเลือกทางธรรมชาติก็จะเลือกเอาพันธุกรรมที่ใช้ได้
เก็บไว้ แล้วขจัดเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ได้เรื่อง กาก, เดน, ขยะ ฯลฯ ทิ้งไปแม้คนบางคนจะมีรีบมีลูกเยอะๆ
เหมือนหนูที่ออกลูกเยอะ ทว่า หากเขาไม่ใช่พันธุกรรมที่สมควรเป็นมนุษย์
ธรรมชาติก็จะขจัดเขาทิ้งไปครับ ด้วยเหตุนี้ คนหลายๆ
เผ่าจะพยายามทำให้เผ่าของตนอยู่รอด บางพวกใช้ความฉลาด, ใช้กำลัง, ใช้การมีลูกมาก,
ใช้รูปร่างหน้าตาที่ดี, ใช้การแย่งชิงอำนาจ ฯลฯ ทว่า สุดท้าย แม้จะดิ้นรนเพียงใด
ก็ไม่อาจเอาชนะการคัดทิ้งโดยธรรมชาติได้
๕ ก่อเกิดมนุษย์สายพันธ์ใหม่
โลกใหม่จะเกิดขึ้น พร้อมๆ กับการวิวัฒนาการของมนุษย์ไปสู่ความเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่
มนุษย์ยุคแรกที่ถูกสร้างในยุคนี้คือ มนุษย์สายพันธุ์พละกำลัง (ยุคสงคราม), มนุษย์ยุคที่สองคือมนุษย์สายพันธุ์เทคโนโลยี
(ยุคปัจจุบัน)
และมนุษย์สายพันธุ์ที่สามที่จะเกิดใหม่คือ มนุษย์สายพันธุ์ “อารยธรรม” ถามว่าทำไม
มนุษย์ที่มีเทคโนโลยีสูงจึงจะสูญพันธุ์ไป
ทำไมพวกมีอารยธรรมจึงเข้ามาแทนที่ครับ? คำตอบคือ เพราะเทคโนโลยียุค 5.0 เช่น การใช้ AI
หรือปัญญาประดิษฐ์เข้ามาแทนที่
ดังนั้น มนุษย์ที่ฉลาดก็ตกกระป๋องไปครับ คนโง่ก็อยู่รอดได้ถ้าเข้าใจเรื่อง
“อารยธรรมโลกใหม่” หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม “มนุษย์ชาวศรีวิไลซ์” นั่นเองครับ
มนุษย์ที่มีกำลังมากหรือฉลาดจะกลายเป็น
“ชนชายขอบ” ไปครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น