ร่ำรวยด้วยกฎของแรงดึงดูด




เขียนบทความพุทธมามากแล้ว ในบทความนี้จะอธิบายธรรมะในมุมมองที่แตกต่างดูนะครับ กล่าวคือ ในมุมมองของปรัชญาแนวใหม่ในเรื่อง “ความร่ำรวย” ที่นิยมใช้กันในนาม กฎของแรงดึดูดครับ หลายท่านอาจเคยปฏิบัติกันมาแล้วแต่หลายคนอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร ในบทความนี้จะขอนำมาอธิบาย ดังต่อไปนี้

ความเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล
หลายท่านที่ฝึกพลังเชิงบวกและกฎของแรงดึดูดแล้วไม่ได้ผลเพราะอะไร? ข้อแรกเลย สำคัญมากครับ คือ คุณไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลแต่คุณกำลัง “แปลกแยกตัวเองออกจากสิ่งแวดล้อม” ด้วยการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ตัดขาดกับธรรมชาติอันแท้จริง แล้ว “เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่” เมื่อคุณทำเช่นนี้ พลังจักรวาลก็เชื่อมต่อกับคุณไม่ได้อีกแล้ว แล้วคุณจะเอาพลังที่ไหนไปทำให้ความปรารถนาของคุณสำเร็จละ? ในเมื่อคุณไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล ไม่ได้เคลื่อนคล้อยอย่างกลมกลืนกับพลังจักรวาล แต่คุณเอาตัวเองเป็นใหญ่ เป็นที่ตั้ง เอาความคิดไร้สาระของคุณมาเป็นพลัง เหมือนแสงหิ่งห้อยอันน้อยนิด

๒ การอยู่บนพื้นฐานความจริง
หากคุณไม่อยู่บนพื้นฐานของความจริงแต่ “หลงอยู่ในโลกของความคิด” อ่านให้ดีๆ นะ “โลกแห่งความจริง ไม่ใช่โลกแห่งความคิด” คุณต้องแยกแยะให้ออก ไม่เช่นนั้น คุณจะหลงอยู่ในโลกของความคิดของคุณคนเดียว ฝันกลางวันไปเองคนเดียว และมันจะไม่มีทางสำเร็จ คุณต้องอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง และเข้าใจเสียทีว่าเราใช้กฎของพลังงาน กฎของธรรมชาติ เหมือนหลักฟิสิกส์ เราไม่ได้ใช้ไสยศาสตร์บ้าบอ ความจริงที่เราใช้คือ จักรวาลมีพลังแน่นอน จิตเรามีพลังแน่นอน และจิตของเรากับจักรวาลเชื่อมโยงกันได้ เหตุนี้ เราจึใช้กฎของแรงดึดูดได้ ผู้ใช้กฎเหล่านี้ต้องเข้าใจว่าเราอยู่บนพื้นฐานความจริงและหลักของพลังงานครับ

๓ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา
เมื่อคุณใช้พลังจักรวาลตามกฎนี้แล้ว คุณจะหวังผลเอาทันทีทันใดเลยไม่ได้ เหมือนการปลูกต้นมะม่วง มันก็ต้องใช้เวลาใช่ไหมที่จะออกลูกให้คุณกิน? เช่นกัน ถ้าคุณปรารถนาอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก มันอาจต้องรอนาน เพราะเหมือนเราปลูกต้นไม้ใหญ่ แต่ถ้าเราปรารถนาอะไรที่เล็กๆ มันก็อาจใช้เวลาสั้นหน่อย ดังนั้น เราอยากให้คุณทดลองใช้พลังนี้กับการปรารถนาอะไรที่เล็กๆ ก่อน เพื่อทดสอบก่อนที่จะปรารถนาอะไรใหญ่ๆ ทว่า ถ้าคุณปรารถนาสิ่งที่เป็นปัจจุบันสอดคล้องกับจักรวาล สิ่งนั้นๆ อาจเกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วนก็มีได้ครับ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทั้งนี้เพราะต้นไม้แห่งความปรารถนานั้นอาจถูกปลูกมานานแล้ว จึได้ผลเร็วครับ

๔ จักรวาลไม่ได้สร้างมนุษย์ให้ลำบาก
ข้อนี้คุณควรทำให้แจ้งชัดนะครับ ชายอยากเน้นหลายครั้งว่าที่เราต้องลำบากอะไรนั้นมันเป็นแค่การชำระบาปกำเนิดที่เราเคยมีบาป เราก็ต้องชำระหนี้เท่านั้นเอง เมื่อเราชำระหนี้หมดแล้ว เราก็จะไม่ต้องอยู่อย่างลำบาก เพราะอะไร? เพราะถ้ามนุษย์ลำบากมากๆ มนุษย์จะกลายพันธุ์ จะกลายเป็นโพธิสัตว์หรือมารได้ แต่พระเจ้าไม่ต้องการเช่นนั้น พระเจ้าต้องการให้มนุษย์กลับคืนสู่พระองค์ให้ได้ต่างหาก ดังนั้น พระองค์จะไม่ทำให้เราลำบากแน่นอน ที่เราลำบากนั้นเพราะเราต้องชำระบาปเท่านั้นเอง ดังนั้น จงเชื่อมั่นเถิดว่าชีวิตของคุณในการเป็นมนุษย์ มันคือสุขคติภูมิ มิใช่ทุกขคติภูมิ ไม่ใช่อบายภูมิสี่ และมันต้องดีกว่าเดิมแน่นอน

๕ จิตเป็นพลังงานนำทางคุณเสมอ
ทุกความปรารถนาที่คุณ “ตั้งไว้ในจิต” ก็คือ โปรแกรมที่วางไว้ให้จิตเดินทางไป ดังนั้น คุณจะได้พบมันเสมอ เพราะคุณตั้งโปรแกรมไปหามันเอง จะช้าหรือเร็ว ทางจะใกล้หรือไกลเท่านั้น จิตที่เอา “ตัวกูของกู” เป็นที่ตั้ง ย่อมได้ช้า ระยะทางย่อมยาวไกลเพราะ “เขาเดินเองทั้งหมด” แต่จิตที่เป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล ไม่ได้เอาตัวกูของกูเป็นที่ตั้งย่อมได้เร็วระยะทางย่อมไม่มีเพราะ “ทุกที่ในจักรวาลมันใช่สำหรับจักรวาลอยู่แล้ว” เมื่อคุณตั้งความปรารถนาที่เป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล ในขณะที่จักรวาลก็เป็นเช่นนั้นเองอยู่แล้ว จุดที่คุณยืนอยู่ มันก็ใช่เลยทันทีเป็น “ปัจจุบันธรรม” ทันทีครับ ชายจึแนะนำให้คุณเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล ไม่แปลกแยก

หลักการสำคัญคือ อย่าแปลกแยกตัวเองออกจากโลกหรือจักรวาลครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?