สิ่งที่มนุษย์ปรารถนาที่แท้จริง




หลายท่านอาจเข้าใจผิดคิดว่าผู้เขียนเสนอแนวคิดที่อ่อนแอล้าหลังให้ผู้อ่านต้องอยู่อย่างคนจนๆ ที่ไม่มีปากเสียงใดๆ ไปวันๆ เพราะ “กลัวกรรม” ไม่ใช่นะ ผู้เขียนแค่ปูพื้นฐานธรรมะขั้นต้น ในบทความนี้จะยกตัวอย่างแนวคิดในการดำรงอยู่อย่างสมศักดิศรีของมนุษย์แบบผู้มีปัญญา ที่ไม่ใช่แบบปุถุชนหลงโลก ดังต่อไปนี้

ความร่ำรวย
คนที่ยังไม่ตื่นแจ้งโลก ยังไม่มีปัญญา ย่อมคิดไม่ต่างจากปุถุชนธรรมดาว่าความร่ำรวยที่แท้จริงคือการได้ถือครองสิ่งของต่างๆ วัตถุต่างๆ มากมาย อันนี้เป็นแนวคิดของพวก “วัตถุนิยม” นะครับ ในแง่ปรัชญาแนวคิดนี้ถือว่าต่ำมาก วิวัฒนาการล้าหลังสุด เอาละ ชายจะอธิบายแนวคิดเชิงปรัชญาที่ก้าวหน้ากว่า สมัยใหม่กว่าว่าความร่ำรวยเขาตีความกันอย่างไร? ความร่ำรวยแบบความหมายใหม่คือ การอยู่ได้โดยไม่ครอบครองฮะ เช่น คุณสามารถพักค้างคืนที่ใดก็ได้ทั่วไปในประเทศไทยเหมือนพระธุดงค์ แบบนี้เรียกว่า “ร่ำรวยที่อยู่” คือ อยู่ได้กว้างขวางทั่วไปหมด และสอดคล้องกับคำสอนและการปฏิบัติของพระสงฆ์ในพุทธศาสนาด้วยครับ

ความงดงาม
สำหรับคนโง่ ไร้ปัญญา มืดบอด จะมีมุมมองต่อความงดงามแบบแนวคิดวัตถุนิยมครับ คือ มองว่าทำยังไง หน้าตาและรูปร่างที่จับต้องได้ของเรานี้จะเป็นที่นิยมถูกใจผู้คนทั้งหลาย นี่คือ ปรัชญาที่ล้าหลังมาก ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เอาละ แนวคิดปรัชญาสมัยใหม่มองความงดงามอย่างไร? เขามองว่าความงดงามคือ สิ่งที่ถูกตีค่าโดยคนแต่มิใช่คุณค่าจากภายในของมันจริงๆ เช่น คุณเอาพลาสติกกลมยัดหน้าอก คนมองว่าหน้าอกโตคืองดงาม สิ่งนี้ไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของมัน เพราะตัวจริงของมันคือก้อนพลาสติกไงครับ ความงดงามจึเทียบไม่ได้กับศิลปะ ศิลปะคือชีวิต มิใช่แค่การวาดภาพหรือการปั้น คนที่ใช้ชีวิตมีคุณค่า นั่นละ คืองดงาม

๓ ความมีชื่อเสียง
ความมีชื่อเสียงโด่งดังที่เราเห็นกันทางโลก เป็นแค่โลกธรรมแปดที่ไม่เที่ยงแท้ เป็นมายาการไร้สาระ บางคนเป็นดาราดังมานาน ทำผิด ท้องไม่มีพ่อครั้งเดียว ชื่อเสียงที่ดีกลายเป็นเน่าหมดเลย เห็นไหมครับว่าไม่เที่ยง และมายาการแค่ไหน? เอาละ กลับมาค้นหา “ความมีชื่อเสียงที่แท้จริง” กันดีกว่าในมุมของปรัชญายุคใหม่ มองว่าความมีชื่อเสียงอันแท้จริงไม่จำเป็นต้องเป็นที่รู้จักของคนในวงกว้าง ดังที่กล่าวมาแล้วว่ามันเป็นแค่โลกธรรมแปด มันเป็นมายาการไงครับ แต่ต้องเป็นอะไรที่ทรงคุณค่า ทำให้คนเกิดความภักดีต่อตราสินค้าได้ เหมือนแบรนด์ดังๆ ที่มีคุณค่าแบรนด์สูงๆ ไม่ใช่ของชั้นต่ำที่คนรู้จักทั่วไป ทว่า หาความมั่นคงไม่ได้เลย

๔ พลังและอำนาจ
พลังและอำนาจเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนในยุคนี้ต้องการ ทว่า พวกเขากลับค้นหาของแท้ไม่เจอ พวกเขาเลยได้แต่ของปลอม พวกเขาคิดว่าการได้ตำแหน่งจะนำมาซึ่งอำนาจ พวกเขาจึยึดมั่นถือมั่นในตำแหน่ง ไม่ยอมปล่อยวาง ไม่ยอมให้ใคร นั่นเพราะเขาไม่เข้าใจว่า “ภาวะผู้นำ” ตามธรรมชาติจริงๆ ไม่ต้องมีตำแหน่งทางโลกก็ได้ นายกอาจใช้เงินเป็นพันล้านในการใช้ทีวีชี้นำความคิดคน แต่คนกลับไม่สนใจทำตามเลย ขณะที่โค้ชเอกอาจไม่ได้ใช้เงินสักบาท กลับทำให้ผู้คนทั้งหลายติดตามเขาได้ เห็นไหมครับ พลังอำนาจที่แท้จริงในธรรมชาติมีอยู่ และแตกต่างจากพลังอำนาจทางโลก อันเป็นมายาการ เป็นแค่ของจอมปลอมนั้นอย่างไร?




๕ ความมีปัญญา
หลายคนอยากมีปัญญาดีแต่หลงทางโลก ไม่เข้าใจว่าอะไรคือปัญญา พวกเขาก็จะคิดว่าความฉลาดและความรู้คือปัญญา ไม่ใช่นะครับ ปัญญาไม่ใช่ทั้งความฉลาดและความรู้ ทว่า คนมากมายแสวงหาความรู้ อยากเรียนมากๆ จบสูงๆ อยากรู้ไปหมด ทว่า นั่นมิใช่ปัญญาที่แท้จริงเลย ในทางพุทธศาสนาบอกเราได้ชัดเจนมากเรื่องนี้ ทว่า หลายคนอาจยังไม่เข้าใจ ยังติดอยู่ในทางโลก ยังนิยมการมีความรู้มากและความฉลาดอยู่เลย ในขณะที่ปัญญานั้นอาจเกิดกับคนโง่ คนที่ไม่มีความรู้อะไรเลยก็ได้ แต่ปัญญาจะให้ความสว่างนำทางเราเพื่อดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างเรียบๆ ง่ายๆ และเอาตัวรอดจากเครื่องพันธนาการต่างๆ ได้

สิ่งเหล่านี้คือการดำรงอยู่อย่างสมศักดิศรีมนุษย์อย่างแท้จริงครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?