เคล็ดลับการดำรงอยู่ในโลกแบบฆราวาสผู้ทรงธรรม
ในบทความก่อนได้กล่าวแล้วว่าคนเราไม่ได้เกิดมาในโลกเพื่อความว่างเปล่าอย่างเดียว
แล้วจะต้องมายึดมาพล่ามเพ้อความว่างเปล่าอะไรกัน แต่เราต้องมีสติอยู่กับธรรมปัจจุบัน
ที่เป็นสมมุติมายา และไม่เที่ยงนั้น ในบทความนี้จะขออธิบายขยายความต่อว่าเราจะมีเคล็ดลับอยู่กับโลกปัจจุบันได้อย่างไร?
ดังต่อไปนี้ครับ
๑ ชำระบาปก่อนให้หมดเร็วๆ
เพราะอะไรครับ? เพราะชำระบาปหมดเร็วเท่าไร
เวลาในชีวิตที่เหลือของเราจะเป็น “กำไรที่แท้จริง” เท่านั้น เช่น หากเราชำระบาปหมดตอนอายุ 30 ปี
แต่เรามีอายุขัย 60 ปี ที่เหลือเวลาในชีวิตอีก 30 ปี ก็คือกำไรชีวิตที่แท้จริงครับ
หลายคนมักคิดว่ากำไรคือ “เงิน” ที่เหลือจากการหักรายได้ด้วยต้นทุน
แท้แล้วนั่นยังไม่ใช่กำไรที่แท้จริงหรอกครับ มันเป็นแค่เกมเศรษฐี
เหมือนคุณเล่นเกมมีได้มีเสียอะไรแบบนั้น แต่ชีวิตของคุณจริงๆ นี่ไม่ใช่ตัวเงิน ปริมาณเงิน
หรือกำไรจากเงิน แต่มันคือ “ชีวิตที่เหลืออยู่จริงๆ ของคุณ”
ถ้าคุณมีกำไรชีวิตที่ใช้หนี้เก่า ชำระบาปหมดแล้ว ยิ่งมาก ยิ่งนานเท่าไร นั่นละ
กำไรชีวิตของคุณ มันก็ยิ่งมาก ยิ่งนานเท่านั้นครับ
๒ อย่าหลงไปทำอะไรที่มันไม่ใช่
หลายคนหลงไปทำอะไรที่มันไม่ใช่ ยังไงหรือครับ? เช่น หลงทำตามหลวงพ่อ
หลวงปู่ คิดว่าปฏิบัติธรรมแล้วจะต้องมีคนมารุมล้อมกราบไหว้เรา ยกย่องเรา ไม่กล้าปรามาสเรา
เอาเงินทองมากองให้เรา ฯลฯ อันนี้ มันไม่ใช่เลย มันคือ “หลุมพราง” ต่างหาก มันคือ
มายาการหลอกล่อเราต่างหาก เมื่อเราติดกับมันแล้ว เราจะมีตัวตนที่ถูกปั้นแต่ง สร้างขึ้นมาให้เป็น ให้เล่นไป เช่น เป็นพระเกจินะ
ต้องดูขลังนะ จะมาเล่นๆ ติงต๊องไม่ได้นะ ฯลฯ นี่มันคือหัวโขน อัตตา ตัวตนทั้งนั้น
ไร้สาระมาก มันแค่หลอกแดกตังค์ชาวบ้าน หากินกับความหลงงมงายของคนเท่านั้นแหละ
อะไรที่ไม่ใช่เหล่านี้ มันคอยหลอกเราให้หลง ให้เป๋ออกนอกทางเสมอๆ เลยครับ
๓ ตื่นแจ้งให้เร็วๆ ว่าเกิดมาเพื่ออะไร
เราอาจไม่มีอิสระมาก่อนเพราะต้องชำระบาป ชดใช้กรรมอยู่ช่วงหนึ่ง แต่เมื่อเราชำระบาปหมดแล้ว
เราควรมีสติตื่นแจ้งเร็วๆ ว่าเรามาเกิดเพื่ออะไร? ไม่ใช่มาเกิดเพื่อจะไม่ต้องเกิด
งั้นก็อย่ามาเกิดสิครับ ฮ่าๆๆ หรือมาเกิดเพื่อแสวงหาความว่างเปล่าอะไร
เพราะความว่างเปล่ามันมีมันเป็น มันไม่เที่ยงมิใช่อัตตาอยู่แล้วแต่แรก จะไปบ้าละเมอเพ้อพกอะไรกับมันอีกจริงไหม
ที่ต้องมีสติให้ได้เร็วๆ ก็คือ เราเกิดมาเพื่อทำหน้าที่ใดต่างหาก
เพราะยิ่งเราตื่นแจ้งเรื่องนี้เร็วเท่าไร
เราก็จะมีเวลาเหลือพอทำหน้าที่ของเรามากเท่านั้น แต่ถ้าทั้งชีวิตเราคิดไม่ได้เลย
แถมชดใช้หนี้ได้ไม่หมดอีก เราก็ต้องติดลบ ขาดทุนและต้องไปใช้หนี้ต่อในภพหน้าเช่น
ตกนรกก็มี
๔ ใช้การชำระบาปเพื่อพัฒนาตัวเอง
ก่อนที่เราจะทำหน้าที่ตามพันธกิจของเรา
เราควรเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้พร้อมก่อนจริงไหมครับ? และดีที่สุดคือ
การเรียนรู้และพัฒนาตัวเองใน “ขณะที่ชำระบาป ชดใช้กรรม” เช่น เมื่อเราเป็นลูกน้องคนอื่นเพื่อใช้กรรมอยู่นั้นเราจะได้เรียนรู้อะไรมากมายจากเจ้านายของเราด้วย
เราก็จะพัฒนาตัวเองให้พร้อมสำหรับที่จะทำภารกิจของเราในอนาคต
แทนที่จะให้ตัวเองชำระบาปผ่านไปอย่างไรประโยชน์ หรือเปลี่ยนจากติดลบมาเป็นศูนย์
มิสู้ทำให้เป็น “ทุน” ในอนาคตของเรา ไม่ดีกว่าหรือ? ดังนั้น
จงตั้งใจเรียนรู้ขณะรับกรรม ชำระบาป
เพื่อที่คุณจะได้พร้อมที่สุดสำหรับการทำหน้าที่ในอนาคตของคุณครับ เช่นนี้
เวลาก็จะไม่ผ่านไปโดยเปล่าๆ
๕ เข้าใจกลไกของโลกก่อนลงมือทำ
ก่อนที่เราจะปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของเรานั้น
นอกจากเราจะพัฒนาตัวเองมาจนพร้อมแล้ว เรายังจะต้องเท่าทันโลกด้วย เราจะต้อง
“เข้าใจกลไกของโลกก่อนลงมือทำ” โลกนี้มันมีระบบครับ มันไม่ได้มั่วๆ
แบบมีอะไรตกจากฟ้าลงมาเป็นโครงสร้างดีเอ็นเออะไรแบบนั้น
แต่ทุกอย่างถูกพระเจ้าสร้าง ธรรมชาติออกแบบมาอย่างดี
คุณจะต้องเข้าใจกลไกของมันก่อน เหมือนการขับรถ ถ้าคุณเข้าใจกลไกของมัน
คุณแค่นั่งจับนั่นนิด กดนี่หน่อย มันก็ไปละ แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจ คุณอาจลงไปดันรถทั้งคัน
ผ่านเป็นชั่วโมง ขยับไปได้นิดเดียว
ความสำเร็จของมนุษย์ไม่ได้มาจากการทำงานหนักแบบกรรมกร
แต่คุณต้องเข้าใจกลไกของโลกให้ดีครับ
คนที่เข้าใจกลไกของโลกได้ จะมีจิตระดับพระเจ้าเลยละครับ!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น