“พระบุตร” ชำระบาปเราอย่างไร?




ในบทความก่อน ได้อธิบายแล้วว่าคนเราทุกคนมีบาปมีกรรมติดตัวทั้งนั้น เหมือนหนี้เก่าที่เราต้องชดใช้ครับ ทีนี้ เวลาเราชดใช้หนี้ เจ้ากรรมนายเวรไม่จำเป็นต้องมาเล่นงานเราก็ได้ เทพหรือพระโพธิสัตว์ที่มีหน้าที่นั้นๆ สามารถมากระทำแทนได้ ทำให้รูปแบบการชำระบาปและกรรมของมวลมนุษย์ต่างกันไป ดังต่อไปนี้ครับ

ชำระบาปด้วยการเจ็บไข้ได้ป่วย
การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นการชดใช้กรรม ชำระบาปในแบบพื้นฐานที่สุด เราไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเราจะเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเดียว เราจะต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บป่วยนั้นๆ จนกว่าจะหมดสิ้นกรรม โพธิสัตว์ที่มีบารมีน้อย อ่อนด้อยที่สุด จะใช้วิธีนี้ในการชำระบาป ดังนั้น พระเยซูจึรักษาคนป่วย เพราะอะไรครับ? ก็เพราะมนุษย์เรานั้นไม่ได้ถูกพระเจ้าสร้างมาให้ต้องนอนป่วยอยู่บนเตียงเช่นนี้ เราป่วยเพราะกำลังได้รับการชำระบาป แต่วิธีการชำระบาปมีหลายวิธี เมื่อพระเยซูมีวิธีที่ดีกว่า จึใช้วิธีอื่น ถ้าคุณได้เจอผู้มีบุญบารมีคนไหน แล้วคุณต้องอยู่ในวังวนของการเจ็บไข้ได้ป่วย แสดงว่าเขากำลังชำระบาปให้คุณเท่าที่เขาจะทำได้ครับ  

ชำระบาปด้วยการถูกทำร้าย
ผู้หญิงหลายคนมักถูกสามีทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ นั่นคือ วิธีการชำระบาปอย่างหนึ่งนะครับ แต่ด้วยผู้ที่ทำหน้าที่ชำระบาป ไม่มีบุญบารมีมากพอ การชำระบาปจึรุนแรงดังกล่าว และเป็นไปอย่างเปิดเผย ขณะที่การชำระบาปแบบวิธีแรก ไม่เปิดเผยคือ เราไม่มีทางรู้เลยว่าผู้ชำระบาปให้เรานั่นแหละคือสาเหตุที่ทำให้เราป่วยครับ ผู้มีบารมีบางคน สามารถเปิดภพนรกได้ เมื่อสัตว์นรกออกมาก็จะหาร่างคนอาศัย คนไหนถูกสัตว์นรกอาศัยก็จะล้มป่วยลงได้ครับ ในขณะที่สามีที่ทำร้ายภรรยานั้นไม่ได้ใช้พลังของสัตว์นรก แต่ใช้พลังอสูรที่อยู่ในตัวทำร้ายภรรยาแทน ระดับการชำระบาปก็สูงขึ้น จึเบาลง ซึ่งเป็นวิธีตามธรรมชาติที่มีได้ทั่วไปครับ

๓ ชำระบาปด้วยการเสียทรัพย์
เจ้ากรรมนายเวรบางคนมาหลอกลวงเอาทรัพย์ของเราก็มี เช่น หลอกเราว่าเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้มีบุญบารมีให้เราเอาเงินไปทำบุญกับเขา นี่คือ การชดใช้กรรมอย่างหนึ่ง เช่นกัน ผู้มีบุญบารมีที่แท้จริงที่ช่วยชำระบาปให้คุณนั้นก็อาจใช้วิธีนี้ก็ได้ คือ ให้คุณบริจาคเงิน เรียกว่าเสียทรัพย์ดีกว่าเจ็บป่วยทรมาน เพราะเจ็บป่วยยังต้องจ่ายเงินค่ารักษาอีกด้วย ทีนี้ ถามว่าถ้าเจอผู้ชำระบาปที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรกับพระโพธิสัตว์จะต่างกันอย่างไร? คำตอบง่ายๆ เลยครับ ถ้าเป็นเจ้ากรรมนายเวร เขาจะเอากับเราหนัก แต่ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์จริงๆ บางทีแค่ให้เป็นอุบายก็ได้แล้ว เช่น เจ้ากรรมนายเวรเอาจากเราเป็นแสน แต่พระโพธิสัตว์จะรับน้อยกว่านั้น

๔ ชำระบาปด้วยการถูกด่าว่า
ผู้มีบุญบารมีมากๆ แค่ตำหนิด่าว่าหรือกลั่นแกล้งเรา ก็ช่วยให้เราชำระบาปได้แล้วครับ เช่น พญามารฯ หากมากลั่นแกล้งใคร คนๆ นั้นก็โชคดีครับ เช่น ตอนที่พระสมณโคดมกำลังทำทุกขกริยา ซึ่งไม่ใช่ทางหลุดพ้นที่แท้จริง พญามารฯ ลงมากลั่นแกล้งพระสมณโคดม ทำเป็นต่อว่าเสแสร้งตู่ไปต่างๆ นานา ถ้าพระสมณโคดม ได้รับการชำระบาปกรรมหมด ก็ไม่ต้องบำเพ็ญทุกขกริยาอีกต่อไป ก็จะปิ๊งได้ว่าอ้อ นี่ไม่ใช่ทางสายกลางนะ เห็นไหมครับ ผู้เขียนยกตัวอย่างให้คุณเห็นภาพชัดๆ เลย กรณีการบำเพ็ญทุกขกริยาของพระสมณโคดม ที่ได้รับการช่วยด้วยการกลั่นแกล้ง เพื่อให้บาปกรรมที่ได้รับหมดเร็วๆ หมดไปกับการถูกกลั่นแกล้งไงละครับ

๕ ชำระบาปด้วยการเป็นผู้รับใช้
การชำระบาปแบบนี้เป็นแนวทางที่พระเยซูให้แก่พวกเราไว้นั่นเอง ท่านให้เราทั้งหลายเป็นผู้รับใช้ แม้แต่ในศาสนาอิสลามก็บอกไว้ ท่านให้เรา “เป็นบ่าวของพระเจ้า” เพราะการเป็นบ่าวของพระเจ้าย่อมดีกว่าเป็นข้าของมนุษย์คนไหน จริงไหม? เราจะอยู่อย่างมีอิสระ พระเจ้าไม่ว่างพอมาบงการชีวิตมนุษย์เป็นพันล้านคนหรอกครับ ฮ่าๆๆ แต่ท่านมีวิธีการดูแลเราก็แล้วกัน เอาละ ในทางพุทธบ้าง วิธีแห่งผู้รับใช้เรียกว่าวิถีกวนอิมครับ กล่าวคือ พระกวนอิมจะรับใช้พระยูไล หรือพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ นี่คือ การชำระบาปที่ดีที่สุดครับ เพราะเราไม่ต้องทรมานจากการเจ็บป่วยใดๆ ดังนั้น การมี “จิตอาสา” ที่รับใช้ประชาชน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีครับ

การได้รับการชำระบาปจากพระบุตร ย่อมดีกว่าทุกประการดังนี้

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?