เนื้อนาบุญที่แท้จริงเป็นไฉน?
หลายคนหลงผิดคิดว่า “เนื้อนาบุญต้องเป็นพระ” และมักไปแสวงหาพระที่ดูดี
น่าเลื่อมใส ภาพลักษณ์ดี พูดเพราะ บุคคลิกดี ฯลฯ ทว่า คุณรู้ไหมที่ “หลีปู้เหว่ย”
ได้เป็นใหญ่มาได้เพราะหนุนเนื้อนาบุญให้ได้เป็นฮ่องเต้ ดังนั้น เนื้อนาบุญไม่จำเป็นต้องเป็นพระเลยครับ
ในบทความนี้จะขออธิบายขยายความ ดังต่อไปนี้ครับ
๑ ไม่ใช่ผู้ขอแต่เป็นผู้รับ
คนบางคนสอนให้คนอื่นเป็นผู้ให้แต่ตัวเองกลับเรี่ยไรรับเงินคนไปทั่วก็มีนะ
แบบนั้นไม่ใช่เนื้อนาบุญ แต่เป็นเจ้ากรรมนายเวรมาเอาคืนกัน เช่น นาย ก. ทำร้าย นาย
ข. มาก่อน นาย ข. ก็เอาคืนแต่ไม่ใช่ด้วยการทำร้ายกลับ แต่เป็นการขอเงิน
เรี่ยไรเงินจากนาย ก. ภาพเปลือกนอกดูเหมือนว่านาย ข. เป็นเนื้อนาบุญ ทว่า
ไม่ใช่ครับ เขาแค่ใช้หนี้กรรมกันเท่านั้นเอง คนที่มีบุญจริงเขาจะไม่ขอใคร
ไม่พูดจาหว่านล้อมด้วยคำหวานเพื่อให้ได้เงินใคร แต่เขาจะได้รับเอง เรียกว่า
“ผู้รับ” ผู้รับนี่ไม่ใช่ผู้ขอ คนละเรื่องกันเลย ผู้ขอ คือ ผู้ก่อกรรมด้วยการขอ
ส่วนผู้รับ คือ ผู้ที่ถูกกระทำด้วยกรรมทำให้ต้องกลายเป็นผู้รับ เห็นไหม?
อยู่คนละฝั่งของกรรมกันเลย
๒ คือผู้เป็นเหมือนเขา
โปรดเสือก็ต้องเคยเกิดเป็นเสือ โปรดวัวก็ต้องเคยเกิดเป็นวัว ผู้เป็นเนื้อนาบุญได้นั้นต้องเป็นเหมือนเขาครับ
เช่น ถ้าจะโปรดชาวนาก็ต้องเป็นชาวนา เพื่อให้บุญที่ออกดอกผลมาสู่เราได้แบ่งปันไปสู่ชาวนาด้วย
เรียกว่า เอาเนื้อนาบุญมาล่อบุญให้บุญเข้าสู่หมู่ชาวนาทั้งหมดนั่นเอง ดังนั้น การเป็นเนื้อนาบุญย่อมไม่ใช่การทำตัวเป็นผู้วิเศษสูงส่ง
นั่งเก้าอี้ค้ำหัว เอามือกดหัวใครให้มากราบตัวเอง นี่เรียกว่า “การกดขี่”
ไม่ใช่การโปรดสัตว์ครับ คือ กดขี่ด้วยความดีงาม
ด้วยอะไรที่แนบเนียนจนผู้ถูกกดขี่ไม่รู้ตัว ก็โง่เข้าไปก้มกราบกัน จะโปรดเขาก็ต้องเป็นเหมือนเขาเท่าเทียมกับเขา
ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกันกับเขาไม่ใช่ทำตัวสูงส่งเหนือหัวเขาครับ
๓ คือผู้มีศีลละเว้นบางสิ่ง
เช่น เมื่อเราถือศีลเนกขัมบารมีไม่มีคู่ แต่เรามีบุญจะได้คู่ครอง
แล้วเราไม่รับ คนที่มาดูแลเรา เขาจะได้อานิสงค์ จนได้คู่ครองที่ดีแทนเราได้
นี่เรียกว่าเนื้อนาบุญ ถ้า นาย ก. ไม่แต่งงาน ไม่เอาลูกเมีย
ไม่เอาตำแหน่งทางโลกใดๆ แบบนี้ละ เขาถือศีล
ละเว้นจากการรับสิ่งทางโลกเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นเนื้อนาบุญให้เราได้
แต่ถ้าเขาไม่ละเว้นอะไรเลย ไม่ถือศีลอะไรด้วย มีลูกมีเมียปกติ มีทุกๆ อย่าง
รับทุกอย่าง เอาทุกอย่าง แบบนี้เป็นเนื้อนาบุญให้เราไม่ได้ครับ เพราะมันเอาเข้าตัวมันหมดเลย
มันไม่ละเว้น ไม่แบ่งใครเลย ใครเอาเงินมาให้มัน มันก็เอาเข้ากระเป๋ามันเองหมด เวลามันเอาไปทำบุญต่อ
มันก็เอาบุญเข้าตัวมันเองยังไงละครับ
๔ คือผู้มีวิบากกรรมมาก
บุญกับกรรมมันเท่ากันน่ะละ เหมือนเหรียญสองด้าน
คนทำบุญเยอะก็มีบุญมากพอทำกรรมได้มาก เขาก็ให้ไปทำกรรมหนักๆ เช่น ให้ไปเกิดเป็นนางพญางูขาว
ทำน้ำท่วมคนตายยกหมู่บ้าน คนที่มีวิบากกรรมมากนั้นแสดงว่าอดีตชาติ
เขาก็ต้องสร้างบุญบารมีมามากด้วยเช่นกัน เมื่อมาชาตินี้เขาเลยต้องรับทั้งบุญ,
กรรมเยอะ ส่วนบุญนั้นเขาอาจไม่รับเพื่อให้เรารับแทน เขาเลยเป็นเนื้อนาบุญให้เราได้ไง
แต่เขายอมรับส่วนกรรม เขาอาจเกิดมาพิการ, ป่วย, สมองไม่ดี ฯลฯ คนเหล่านี้แหละ เป็นเนื้อนาบุญให้เราได้
ดูแลเขาไปเถอะ อย่าไปคิดว่าเขาคือภาระ รำคาญที่ต้องมาดูแลเขา
เพราะเขาอาจเสียสละมามากกว่าที่คุณทำหลายร้อยเท่านัก
๕ อย่าไปดูรูปลักษณ์ภายนอก
เนื้อนาบุญไม่จำเป็นต้องเป็นพระ แต่พระเป็นรูปแบบที่ดีมากของการเป็นเนื้อนาบุญของโลก
การดำรงอยู่แบบพระนี้ สร้างมาเพื่อให้ทำหน้าที่เนื้อนาบุญโดยเฉพาะอยู่แล้ว ทว่า
นี่ไม่ได้หมายความว่ามีแต่พระที่เป็นเนื้อนาบุญได้ แม้แต่พระโพธิสัตว์ เช่น
พระสุวรรณสามก็เป็นเนื้อนาบุญได้ แม้ไม่ได้บวชพระหรืออะไรครับ แท้จริงแล้ว
เนื้อนาบุญสามารถมีได้ทุกรูปแบบ อย่าไปติดรูปแบบครับ โดยหลักๆ คือ
คนที่ทำให้เราหลงคิดว่าเขามาเป็นภาระ มาเกาะเรากิน ไม่ทำอะไรเลย อยู่ไปวันๆ นี่ละ
เนื้อนาบุญเขาจะต้องมาแนวทางนี้ครับ เพราะถ้าเขาหาเงินเองได้
เขาก็ไม่ต้องรับจากใคร แล้วเขาจะทำหน้าที่เป็นเนื้อนาบุญได้ยังไงละ อีห่าน 555
เมื่อคุณขาดความเพียร
คุณจะมองว่าคนนั้นคนนี้มาเกาะคุณครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น