โครงข่ายพลังงานในระดับชั้นของจิตวิญญาณ




ทุกท่านทราบดีอยู่แล้วว่าโลกไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตนของตน เราแค่มายังโลกเพื่อทำกิจบางอย่าง แล้วเราจะจากโลกนี้ไป ในบทความนี้ จะขออธิบายถึง ระดับชั้นของพลังงานที่เหมือน “กรง” ขังให้จิตวิญญาณอยู่ในระดับชั้นต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตาเปล่าของเรามองไม่เห็น แต่มีอยู่จริง และสามารถสังเกตุได้ ดังต่อไปนี้ครับ

กรงของพลังงานแต่ละระดับชั้นคืออะไร?
คือ ทุกสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อที่จะทำให้จิตวิญญาณในระดับนั้นๆ ยังคงอยู่ในระดับเดิมครับ เหมือนกรงที่ขังสัตว์ ไม่ให้สัตว์ออกไปไหน เช่น ในระดับสูงๆ ไม่มีกามแบบมนุษย์ ไม่ได้ดำรงอยู่กันแบบผัวเมียอย่างมนุษย์ แต่ระดับชั้นที่ล่างลงมา สร้างระบบการอยู่กันแบบผัวเมียไว้ เพื่อขังกรงให้มนุษย์ยังคงอยู่ในระดับเดิมนั้นๆ ต่อไป และมนุษย์ที่อยู่ในระดับชั้นต่ำๆ เช่น ระดับมิติที่สามนี้ จะไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าระดับที่สูงกว่านั้น อยู่กันอย่างไร? เพราะพวกเขาจะถูกครอบงำความคิดด้วย “กรง” ที่มองไม่เห็นนี้ หล่อหลอมให้พวกเขามีระบบความคิด, ความเชื่อ, ความชอบ, ความสุข ฯลฯ ในแบบที่มิติที่สามควรจะเป็น ไม่ให้หลุดออกมาได้



๒ กรงของพลังงานเหล่านี้ มีไว้เพื่ออะไร?
เพื่อจำแนกให้สัตว์ทั้งหลายอยู่กันอย่างเป็นระบบปะปนกันมากเกินไป เหมือนสวรรค์ที่แยกกันอยู่เป็นชั้นๆ นั่นเอง เพราะแต่ละระดับชั้นจะมีภูมิปัญญาไม่เท่ากัน เหมือนการที่เราเอาหญ้าให้ควายกิน ถ้าควายไม่ถูกขังกรงอยู่ภายใต้ความคิดว่าหญ้าคืออาหารอันแสนอร่อย เราจะคุมมันได้ไหม? จะเลี้ยงมันได้ไหม? ถ้ามันบอกว่าอยากกินพิซซ่า เราอาจเลี้ยงมันไม่ไหวจริงไหมครับ? ดังนั้น เพื่อให้สัตว์ที่มีระดับทางจิตวิญญาณที่ต่างกัน ได้อยู่ร่วมกันในจักรวาลอย่างมีระบบ ไม่ปะปนกันมากเกินไป และไม่รู้มากเกินไปกว่าระดับของตนที่ควรจะรู้ “กรงของพลังงาน” ที่มองไม่เห็น จึถูกสร้างขึ้น เพื่อจะขังสัตว์ทั้งหลายให้อยู่ในระดับเดิมของตน

๓ การสร้างสมมุติ-เหยื่อล่อของพระเจ้า
พระเจ้าได้สร้าง “สมมุติ” ต่างๆ ขึ้นมากมาย สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตนของตนอันแท้จริงและไม่อาจยึดมั่นถือมั่นได้ แต่พระเจ้าไม่ได้บังคับให้เราต้องหลงยึดติดสิ่งเหล่านี้ เราเองต่างหากที่หลงเข้าไปยึดติดมันเอง พระเจ้าให้เจตจำนงเสรีแก่เราให้อิสระเรา แต่เราเองที่เลือกที่จะเดินเข้ากรง ดังนั้น พระเจ้าจึไม่ผิดอะไร และเราเองก็ไม่ได้ผิดอะไรด้วย หากเราต้องตกอยู่ในสภาพที่เหมือนควายกำลังกินหญ้า แล้วหลงคิดว่าหญ้าคืออาหารอันแสนอร่อยเสียเหลือเกิน มนุษย์ใจดีเหลือเกินที่เอาหญ้าให้เรากิน (ทั้งๆ ที่หญ้ามีอยู่ทั่วไป ควายไม่จำเป็นต้องขอหญ้าจากมนุษย์ก็อยู่รอดเองได้) บ้าน, รถ, มือถือ, เครื่องบิน, โรงแรม ฯลฯ ล้วนคือเหยื่อล่อ

๔ สัตว์จะเลือกเข้ากรงในระดับต่างๆ นั้นเอง
เมื่อพระเจ้าสร้างกรงในระดับชั้นต่างๆ สำเร็จแล้ว พร้อมทั้งไม่ได้บังคับสัตว์ทั้งหลาย ตรงข้ามกลับให้อิสระแก่สัตว์ทั้งหลาย สัตว์เหล่านั้นก็จะเลือกทางเดินของตนเอง และเข้าสู่ “กรงระดับต่างๆ” ด้วยตัวเอง สัตว์ที่อยู่ในระดับต่ำจะต้องเป็นฐานให้สัตว์ที่อยู่ในระดับสูง สัตว์ที่อยู่ในระดับสูงจะทำงานดูแลสัตว์ที่อยู่ระดับต่ำ เหมือนเราเลี้ยงควายนี่แหละ ควายก็ต้องทำงานให้เรา ในขณะที่เราดูแลควาย โลกก็คือ กรงใหญ่ๆ กรงหนึ่งที่เราเลือกเดินเข้ามาเพื่อปฏิบัติ “ภารกิจ” บางอย่างตาม “พันธสัญญา” ของเราเอง แต่หลายคนเมื่อมาแล้วก็ออกไปไม่ได้ เพราะหลงติดอยู่ในกรงระดับนี้ การยกระดับจิตวิญญาณ จึเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราหลุดพ้นได้

๕ การสละทำให้หลุดจากระดับชั้นต่ำๆ ได้
เมื่อคุณยอมสละ คุณจะหลุดพ้นจากสิ่งนั้น แรกๆ คุณจะเคว้งคว้างหรือว่างเปล่า คุณอาจลำบากสักหน่อยที่ไม่มีมัน เหมือนพระสมณโคดมที่สละบัลลังก์ แรกๆ ท่านก็ต้องลำบากก่อนที่จะต้องอยู่อย่างคนที่ไม่มีบ้าน เร่ร่อนไปเรื่อยๆ ทว่า นี่คือ ทางแห่งการเลื่อนระดับที่แท้จริง เพราะ “สิ่งสมมุติ” ที่หลอกล่อเราอยู่นั้น ทำให้เราติดอยู่ในกรงระดับนั้น นั่นเอง ถ้าควายยังหลงติดการกินหญ้าอยู่ มันก็ยังไม่อาจหลุดพ้นจากความเป็นควายไปได้ จนกว่าจะมันพบความจริงระดับหนึ่งว่าโลกไม่ได้สวยงามตามฝันของมัน โลกโหดร้าย และมันถูกกระทำอย่างโหดร้าย มันก็อาจตื่นแล้วไม่อยากเป็นควายอีก เมื่อนั้นก็อาจมีหนทางหลุดพ้นจากควายได้

ความทุกข์, ความโหดร้าย, ความไม่ดีทั้งปวงปลุกให้เราตื่นขึ้นครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?