เคล็ดลับการปฏิบัติธรรมสำหรับฆราวาส
ในบทความก่อนๆ ผู้เขียนได้กล่าวถึงการปฏิบัติธรรมในเพศฆราวาสไปแล้วหลายครั้ง ในบทความนี้จะขออธิบายเคล็ดลับในการปฏิบัติธรรม
ที่มีประสิทธิภาพ หวังผลได้ ให้อ่านกันแบบง่ายๆ เพลินๆ ไม่ยากนะครับ เพื่อให้ผู้ที่เริ่มต้นการปฏิบัติธรรมได้มีแนวทางการปฏิบัติแบบสั้นๆ
ง่ายๆ เน้นความเรียบง่าย ดังต่อไปนี้ครับ
๑ เลิกยุ่งเรื่องชาวบ้าน สนใจพัฒนาตนเอง
อันนี้เป็นสิ่งสำคัญมากครับ แต่หลายคนยังทำไม่ได้
เพราะชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ชอบไปสอนคนอื่น ปะทะคารมถกเถียงหาความถูกผิดกันอยู่ แท้จริงแล้ว
เราจะมีความสุขหลุดพ้นได้จริงหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลย
ต่อให้เถียงชนะทุกคน แต่ถ้าเราเครียด ความดันสูง เราก็หนีไม่พ้นทุกข์ ดังนั้น การปฏิบัติธรรมที่ได้ผล
จะต้องเริ่มต้นจาก “การพัฒนาตัวเอง” หยุด ละเลิก การไปวุ่นวายกับเรื่องนอกตัวครับ
อันนี้พูดเหมือนง่าย แต่ทำจริงแล้วยาก เพราะคนเรามัก “เป๋” ออกนอกลู่นอกทางบ่อยๆ
ชอบไปยุ่งกับเรื่องนอกตัวบ่อยๆ จนลืมตัวเอง ลืมตัวลืมตน
ลืมว่าตัวเองมีสภาพอย่างไร? จิตใจตกต่ำแค่ไหน? เพราะมัวเอาชนะคนอื่นบ้างก็มีครับ
๒ เลิกพูดพล่ามธรรมะ ปิดปากแล้วปฏิบัติ
คนที่เขาสนทนาธรรมกันนั้นเพราะเขาจำเป็นจริงๆ เช่น
นั่งสมาธิแล้วมีอะไรๆ เขาสงสัย ก็ถามกัน สนทนากัน แต่ไม่ใช่วันๆ เอาแต่พล่ามธรรมะ
แล้วไม่ได้ปฏิบัติอะไรเลย ไม่มีความก้าวหน้าอะไรเลย ทำตัวเหมือนพวกนักปรัชญาอะไรนั่น
ไม่ได้เรื่องครับ หลายคนชอบทำตัวเหมือนนักปรัชญา ไม่ใช่นักปฏิบัติ พูดพล่ามในปรัชญาที่คิดค้นเองไปเรื่อยเปื่อย
วันๆ ก็หมดไป เทียนชีวิตก็สั้นลง แสงก็ริบหรี่ลงเรื่อยๆ เสียเวลาเปล่าๆ ฮะ
เราต้องหยุดพล่ามธรรมะ เลิกบ้าปรัชญา เลิกทำตัวเป็นครูบาอาจารย์ไปสอนใครเขา เลิกไปถกเถียงธรรมะกับใคร
แล้วปิดปากให้สนิท ก็จะเริ่มต้นการปฏิบัติธรรมได้ ความก้าวหน้าในทางธรรมก็จะมีได้
เกิดได้ครับ
๓ เลิกอาศัยความสุขนอกตัวมาเยียวยา
ความติดชินของปุถุชนชาวโลกคือ เมื่อมีทุกข์ จะหา “ความสุขนอกตัว”
เข้ามาปรุงแต่ง เหมือนเป็นโรครักษาไม่หายแล้วเสพมอร์ฟีนแก้ปวดไปวันๆ แบบนั้น
ไม่มีทางหายแน่นอนมีแต่จะติดมอร์ฟีนเท่านั้นเอง หลายคนพอทุกข์ พอเครียดแล้วก็ไปเที่ยว
ออกเที่ยวละ บางคนก็กิน กินของแพงๆ มาอวดโชว์เพื่อนในเฟส บางคนก็ไปซื้อมือถือแพงๆ
มาเติมเต็มตัวเอง ให้รางวัลตัวเอง หรือปลอบใจตัวเอง สิ่งเหล่านี้
ไม่อาจรักษาโรคทางใจได้จริง และไม่ควรใช้มันบ่อยๆ จนเสพติดครับ
เราต้องแก้ที่สาเหตุ รักษาโรคที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แค่หยุดอาการปวดไปชั่วครั้งเท่านั้น
เราต้องกล้าและเด็ดเดี่ยวที่จะ “สละความสุขทางโลก” ที่ปรุงแต่งเหมือนมอร์ฟีนเช่นนี้
๔ เลิกคลุกคลีตีโมง เข้าสังคมหาความอบอุ่น
คุณไม่ใช่เด็กที่ขาดความอบอุ่นหรือต้องเร่หาใครสักคนมาเยียวยารักษาใจ
ให้ความอบอุ่นอะไรกับคุณ คุณโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องเลิกทำตัวเป็นเด็กๆ
ที่ขาดเพื่อนไม่ได้ ขาดสังคมไม่ได้ ขาดญาติมิตรไม่ได้เสียที
คุณต้องกล้าหาญที่จะยืนหยัดอยู่ในโลกนี้ด้วย “ตัวคนเดียว” เราเกิดมาตัวคนเดียว
ตายไปก็ตัวเดียวไม่มีคนที่จะไปกับเราด้วยได้หรอกครับ อย่าทำตัวเหมือนเด็กที่ร้องหาความอบอุ่นจากใครสักคน
เร่หารักเป็นมาลัยลอยชายไปเรื่อยๆ นั่นคือ คุณไม่โตเป็นผู้ใหญ่เสียที นักปฏิบัติธรรมนั้นจะต้องมี
“ความวิเวกสันโดษ” คืออยู่คนเดียวได้ ไม่เหงา ไม่ทุกข์ ไม่ว้าวุ่น ไม่ฟุ้งซ่าน
ไม่ร้อนรนกระวนกระวายใจ เรียกว่ามีความสงบในจิตครับ
๕ ตื่นและตระหนักเสียทีว่าโลกนี้เหมือนกรง
อย่าหลงอะไรมาก หลายคนพอไม่สนใจของทางโลกแล้วก็ไปหลงกิเลสทางธรรมอีกก็มีครับ
เช่น เห็นหลวงปู่ หลวงพ่อเขาได้ลาภสักการะมีคนมากราบไหว้ ยกย่องให้เป็นนั่นเป็นนี่ก็เอาบ้าง
อยากให้คนมากราบไหว้ตนบ้างยกย่องตนให้เป็นนั่นเป็นนี่บ้าง อันนี้ไม่ใช่แล้วนะครับ
ออกนอกทางเรียกว่า “พวกนอกรีต” บางคนไปตั้งกันเองให้เป็นอาจารย์
เพราะสร้างสถานธรรมเอง หาสาวกเอง ปรากฏว่าตายไปกลายเป็นปีศาจกันหมดเลย
นี่เพราะอะไร? เพราะไปตั้งตัวเอง ยกย่องกันเองไม่อยู่ในระบบเรียกว่า “นอกรีต”
พวกนอกรีตก็เป็นปีศาจกันเยอะ รวมทั้งพวกคนทรงที่ตั้งตัวเองเป็นนั่นเป็นนี่ด้วยนะ
เราต้องตื่นตระหนักให้ได้ว่าโลกนี้เหมือนกรงครับ
เคล็ดลับการปฏิบัติธรรมห้าข้อนี้ ทำให้ก้าวหน้าในธรรมได้ครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น