การจูนคลื่นความถี่พลังที่แม่นยำ




หลายท่านฝึกพลังจักรวาลและการจูนพลังความถี่โดยใช้ความรู้สึกเป็นสำคัญ ทว่า สิ่งที่ทำอยู่ยังไม่ถูกต้องนักครับ ทำให้ยังไม่สามารถนำพลังจักรวาลมาใช้ได้ผลนัก ในบทความนี้จะขอนำเรื่องราวของการจูนคลื่นความถี่พลังงานที่ถูกต้อง แม่นยำ มาเรียนรู้ร่วมกัน เพราะมันจะช่วยยกระดับจิตของเราได้ ดังต่อไปนี้ครับ  

การจูนคลื่นความถี่แบบกว้าง
เช่น ความคิดเชิงบวก, ความรัก ฯลฯ แบบนี้เป็นการจูนคลื่นพลังแบบกว้างๆ ครับ เพราะใครๆ ก็มีความรักได้ ไม่ว่าจะเป็นเทพ, มาร หรือปีศาจ ดังนั้น เมื่อเราจูนกับพลังแห่งรักได้ มันก็จะเป็นการจูนแบบกว้างๆ ยังไม่แม่นยำ ไม่เฉพาะเจาะจงลงไป ทว่า มันคือ จุดเริ่มต้นแรก ที่เราจะเข้าใจคำว่า จูนคลื่นความถี่ให้ตรงกัน เราจะต้องเริ่มต้นจากการหัดจูนคลื่นความถี่แบบนี้ให้ถูกต้องก่อน บางคนยังจูนไม่เป็น เช่น ยังใช้การคิดเอา แทนพลังงานความถี่จริงๆ พลังงานความถี่จริงๆ นั้นมาจากจิต จิตคือพลังงาน ไม่ได้มาจากสมอง ไม่ได้มาจากการคิดเอา แม้สมองจะมีคลื่นความถี่ของความคิด แต่หากเราใช้สมองแทนจิต มันจะเกิดปัญหาได้ครับ

การจูนคลื่นความถี่แบบแคบ
เช่น หาก นาย ก. มีพลังของพระศิวะ เราไปจูนคลื่นความถี่โดยมีความรักต่อนาย ก. เราอาจได้พลังของพระพิฆเนศได้ แบบนี้เรียกว่าการจูนคลื่นความถี่แบบแคบและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น คุณต้องเข้าใจก่อนว่าพลังจักรวาลนั้นมีมากมายหลากหลาย การจูนพลังจักรวาลย่อมทำได้ยากหากคุณจูนโดยตรงโดยไม่ผ่านคนอื่น แต่การจูนพลังงานโดยจูนกับคนอื่นที่จูนพลังจักรวาลได้แล้ว ได้ก่อนคุณ จะช่วยทำให้คุณจูนพลังได้ง่ายขึ้น ดังนั้น คนที่ไปพบพระพุทธเจ้า ได้รับการจูนจากท่านย่อมสบายกว่าคนที่ไม่ยอมใครเลยแล้วพยายามจูนเอง จริงไหม? ตรงนี้เอง “ความศรัทธา” จะช่วยคุณได้ ผู้ศรัทธาพระเยซูย่อมจะจูนพลังตรงกับพระเจ้าได้ง่ายกว่า

การคิดกับคลื่นความถี่ของจิต
ดังที่กล่าวแล้วว่าพลังงานที่ออกมาจากจิตของเราไม่ใช่คลื่นความคิดที่ออกมาจากสมอง แต่สมองจะช่วยให้เราเล็งได้แม่นยำขึ้นเช่น เมื่อเราอยากจูนพลังงานให้ตรงกับพระพุทธเจ้า เราใช้สมองสร้างมโนภาพเป็นภาพพระพุทธรูป แบบนี้จะทำให้จิตเราจูนคลื่นได้ตรงง่ายกว่าการที่ไม่มีตัวช่วยอะไรเลย จริงไหม? ทีนี้ เราเข้าใจการทำงานของสมองกับจิตแล้วนะว่าคนละส่วนกัน และสมองจะช่วยงานให้จิตได้อย่างไร? ต่อไป เราต้องหัดใช้จิตให้มากขึ้น ใช้สมองคิดให้น้อยลง เพราะจิตเป็นพลังงานแก่นแท้ในตัวเรา แต่สมองเป็นแค่อวัยวะของสังขารที่ไม่ใช่แก่นแท้ของตัวเรา หากใช้มันมากเกินไป มันอาจจะเสื่อมและสลายลงไป (คิดจนบ้าได้)

๔ การจูนคลื่นความถี่เพื่อยกระดับ
ในการยกระดับนั้น เราจะต้องมี “ต้นแบบ” ก่อน หากเราไม่มีต้นแบบ ก็เหมือนไม่มีเป้าหมายปลายทาง ไม่รู้ว่าเราจะยกระดับไปทางไหน จริงไหมครับ เช่น เดิมเราเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่เราจะยกระดับจิตของเราไปสู่ความเป็นเทพ เราก็ต้องมีต้นแบบก่อนว่าเราจะเจริญรอยตามเทพองค์ไหน? ไม่ใช่อะไรก็ไม่รู้ มั่วไปหมด จับแพะชนแกะ แบบนั้นการยกระดับจะยุ่งเหยิงและสำเร็จได้ยากครับ หลายคนเคยเจอ “คนมีองค์และคนทรง” มาบ้างแล้ว นั่นคือ การใช้เทพเป็นต้นแบบในการยกระดับจิตวิญญาณของเขาครับ และเพื่อให้คลื่นความถี่ตรงกัน พวกเขาเลยคิดว่าตัวเองเป็นเทพองค์นั้นๆ ไปเลย ผลคือ การจูนได้ผลดีมาก แต่จะหลงตัวเองนั่นเอง

๕ เทคนิกการจูนกับเทพต้นแบบ
การจูนคลื่นความถี่ให้แนบสนิทมีหลายวิธี ที่เราเห็นบ่อยคือ “การคิดว่าเราเป็นเทพองค์นั้น” เมื่อเราจูนพลังได้สำเร็จ เราจะไม่ใช่เทพองค์นั้นจริงๆ แต่พลังของเทพองค์นั้นจะจูนมาที่ตัวเรา ทำให้คนเชื่อว่าเราเป็นเทพองค์นั้นๆ ได้ ข้อเสียคือ เราจะหลงตัวเอง และแยกแยะไม่ออกว่าเรากับเทพไม่เหมือนกัน จนไม่เป็นตัวของตัวเองได้ครับ เทคนิกการจูนพลังกับเทพต้นแบบที่ดีกว่านั้นคือ “ความศรัทธาต่อเทพ” เช่น ถ้าพระพิฆเนศมีศรัทธาต่อพระศิวะ แทนที่เราจะคิดว่าเราเป็นพระพิฆเนศ เราก็ใช้ความศรัทธาต่อพระศิวะแบบเดียวกับพระพิฆเนศแทน โดยที่เราไม่ต้องไปคิดว่าเราเป็นพระพิฆเนศก็ได้ (อาศัยพลังศรัทธาที่มีความถี่เหมือนกันก็พอ)

การจูนพลังจากคนอื่น อาจทำให้เราได้พลังจักรวาลนั้นมาจากเขาก็ได้ครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?